วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

[SIAMHRM.COM :21644] FW: ว่าด้วยเรื่อง 2012 โดยคุณ ณัฐพบธรรม



 ----- Original Message ------
 ส่งจาก:dhammataan@gmail.com
 ส่งถึง:Friday, December 11, 2009 03:27
 ส่งถึง:Supattra supattra@sanook.com;
 หัวข้อ:ว่าด้วยเรื่อง 2012 โดยคุณ ณัฐพบธรรม


จากอีเมล์ของณัฐพบธรรม ผู้เขียน หนังสือ "ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้ว" ---------------------------- เรียนทุกท่าน ในช่วงที่ผ่านมา มีภาพยนต์เรื่อง 2012 เข้าโรงฉาย เกี่ยวกับภัยภิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกในวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 รวมถึงมีการพูดถึงภัยต่างๆที่มีโอกาสเกิด ไม่ว่าจะเกิดจากโลกร้อน เกิดจากการที่ดวงดาวมาเรียงกัน หรือเกิดจากดวงอาทิตย์ปล่อยพลังงานออกมามากกว่าปกติ ฯลฯ สรุปว่า มีกระแสเรื่องที่โลกกำลังจะเกิดภัยภิบัติที่จะกวาดล้างมนุษย์โลกให้หมดไป(หรือเกือบหมด) ในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ ตัวผมเองก็ได้ดูภาพยนต์ดังกล่าว และได้อ่านข้อมูลข่าวสารมาบ้าง จึงคิดว่า เรื่องนี้มีอะไรหลายอย่างที่ควรจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ก่อนอื่นลองมาใช้สติและเหตุผลพิจารณากันในฐานะชาวพุทธ ว่าสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตัวเรามีได้กี่รูปแบบ(คร่าวๆ) 1. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเราแก่ตาย 2. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเราก็ตายหลังจากนั้นไม่นาน 3. ในปี 2012 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เราตายก่อนถึงวันนั้น 4. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย ส่วนเราก็ตาย 5. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย เรารอด แล้วก็แก่ตาย 6. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก คนส่วนใหญ่ตาย เรารอด แต่ก็ตายหลังจากนั้นไม่นาน 7. ในปี 2012 มีอุบัติภัยล้างโลก แต่เราตายก่อนถึงวันนั้น ...... พอจะเห็นภาพใช่ไหมครับว่า ไม่ว่าในปี 2012 จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆก็คือ เราจะตาย วันใดวันหนึ่งในอนาคต หากเรามองชีวิตที่ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดมานับครั้งไม่ถ้วน การตายครั้งนี้ ก็เพียงการเปลี่ยนจากสภาพหนึ่ง ไปสู่อีกสภาพหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย ในอดีตผมก็เคยกลัวความตาย ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลัวความตายก็คือ เพราะความตายเป็นเหมือนการต้องเดินเข้าไปห้องที่มืดสนิทที่มีหลายห้อง โดยเราไม่รู้ว่ามีอะไรรอเราอยู่ในแต่ละห้อง แต่ความรู้ในพุทธศาสนาก็ทำให้เราเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตมากขึ้น ว่าแต่ละห้องมีสภาพเป็นอย่างไร (นิพพาน พรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก) เหมือนห้องทั้งหมดได้เปิดไฟจนสว่างเห็นภายในทั้งหมด แม้ว่าเราจะเห็นว่าแต่ละห้องมีอะไรบ้าง ความกลัวก็ยังไม่หมดไป เพราะว่ามีหลายห้องที่เราไม่อยากเดินเข้าไปเลย(สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก) ด้วยเหตุนี้อาการกลัวความตายจึงยังคงมีอยู่ ตอนตายเราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าห้องไหน หากเปรียบเทียบง่ายๆว่าก็คล้ายกับว่าเราจะต้องจับฉลากเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้เรามีโอกาสได้ไปในห้องที่เราไม่อยากไป แต่ความรู้ในพุทธศาสนาก็ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นอีกว่า เราสามารถสร้างฉลากให้มีมากขึ้นได้ ดังนี้ หากเราทำบุญมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ฉลากที่จะได้ไปอยู่ในห้องที่น่าอยู่เพิ่มขึ้นเท่านั้น(นิพพาน พรหม เทวดา มนุษย์) หากเราทำบาปมากเท่าไหร่ เราก็ได้จะได้ฉลากที่จะได้ไปอบู่ในห้องที่ไม่น่าอยู่เพิ่มขึ้นนั้น(สัตว์ เปรต อสูรกาย นรก) ความรู้ตรงนี้ก็คงทำให้คนบางคนยังคงมีความกลัวความตายเช่นเดิม หรืออาจจะกลัวมากขึ้น เพราะชีวิตที่ผ่านมา ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่ไม่น่าอยู่มากมายมหาศาล แต่แทบไม่ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่น่าอยู่เลย แต่ในทางตรงกันข้าม คนบางคนกลับมีความกลัวความตายลดลง เพราะชีวิตที่ผ่านมา ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่น่าอยู่มากมายมหาศาล และแทบไม่ได้สร้างฉลากสำหรับไปห้องที่ไม่น่าอยู่เลย โอกาสที่จะไปไม่ดีหลังจากนั้นมีน้อยมาก ความกลัวจึงมีน้อยลงมาก ในเมื่อความตายจะมาถึงเราแน่ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ 2012 หรือไม่ เราก็สามารถเลือกได้ว่าเราจะเป็นแบบไหน จะกลัวความตายเพราะทำบาปเอาไว้มาก หรือคิดว่าความตายเป็นเพียงการเปลี่ยนสภาพและอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะทำบุญเอาไว้มาก จากวันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่เราตาย เราก็สามารถเลือกได้ว่าจะทำอะไร หากเหตุการณ์ 2012 มีจริงๆ สิ่งที่เราควรทำคือการพยายามดิ้นรนหาทางรอดตั้งแต่วันนี้ หรือคือการพยายามทำบุญให้มากเพื่อที่จะได้ไม่กลัวความตายในวันนั้นกันแน่ หากเหตุการณ์ 2012 ไม่มีจริง สิ่งที่เราควรทำคือปล่อยชีวิตไปแบบเดิมเพื่อให้ตายด้วยความหวาดกลัว หรือพยายามทำบุญให้มาก เพื่อที่จะได้ไม่กลัวความตายในวันนั้นกันแน่ สำหรับผมมีคำตอบที่ชัดเจนว่า ผมจะทำบุญให้มากที่สุด ไม่ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น เพื่อให้ไม่ต้องกลัวเมื่อวันที่ความตายมาถึง คำถามหนึ่งที่มีคนถามผมก็คือ หากเหตุการณ์ 2012 เกิดขึ้นจริง เราควรทำอย่างไรในวันนั้น สมมุติว่าทุกอย่างเป็นเหมือนในภาพยนต์ ที่มีน้ำท่วมทั้งโลก กวาดล้างแทบทุกอย่างในโลกไปจนหมด ผมคงเลือกที่จะอยู่บ้าน(หรือไปวัด) สวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือนั่งนึกถึงบุญที่ทำ แล้วพยายามยิ้มรับความตายที่กำลังจะเดินเข้ามาหา ดีกว่าจะต้องดิ้นรนพยายามให้ตัวเองรอด แล้วไม่สามารถควบคุมสภาพจิตใจก่อนตายได้ ทำให้อาจจะไปห้องที่ไม่น่าอยู่ได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็คงไม่เหลือวัด เหลือพระไตรปิฎกให้ผมได้ศึกษา ได้ทำบุญ ผมก็ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ รวมถึงบ้านเมืองก็ไม่เหลืออะไรแล้ว คงใช้ชีวิตกันลำบากน่าดู แล้วจะอยู่ไปทำไม แต่ผมจะไม่ฆ่าตัวตายครับ เพราะบาป คำถามถัดมาก็คือ เรื่องราวแบบนั้นจะเกิดขึ้นจริงไหม เมื่ออ้างอิงจากพระไตรปิฎก อย่างแรกก็ต้องบอกว่า ในอรรถกถา ได้บอกเอาไว้ว่า พุทธศาสนายุคนี้ จะอยู่นาน 5,000 ปี ฉะนั้นจึงไม่น่าจะมีเหตุการณ์ที่จะทำให้พุทธศาสนาหายไปได้ในช่วงก่อนหน้านั้น โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ทำให้คนมากกว่า 99% ตายไปนั้น ก็ต้องบอกเลยว่าไม่น่าจะมี อย่างมากก็เกิดน้ำท่วม แล้วมีคนตายมากประมาณหนึ่ง แต่คงไม่มากเท่าที่กลัวกัน ส่วนเหตุการณ์ที่จะทำให้โลกแตก หรือมนุษย์ตายกันจนหมดนั้น ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ต้องห่วง ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น เพราะพระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้แล้วว่า ตั้งแต่โลกใบนี้เกิดขึ้น จนถึงวันที่โลกแตก จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ 5 พระองค์(เฉพาะรอบนี้ที่มี 5 พระองค์ บางรอบก็ไม่มีเลย) ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4 ฉะนั้นยังคงต้องมีมนุษย์โลกไปอีกนาน นานจนมนุษย์อายุขัยลดลงเหลือ 10 ปี แล้วกลับมาเพิ่มจนเป็น 80,000 ปี ตอนนั้นถึงจะมีพระศรีอาริยเมตตตรัยมาตรัสรู้ หลังจากนั้นอีกนานแสนนาน นานจนมีพระอาทิตย์ดวงที่ 2 เกิดขึ้น จนโลกแห้งเล้งมากขึ้น จนมาดวงอาทิตย์ดวงที่ 3 4 5 6 7 และเมื่อถึงตอนนั้น โลกก็แตกสลายไป โลกใบนี้รอบนี้จะแตกสลายเพราะไฟครับ ไม่ได้แตกสลายเพราะน้ำหรือลม เวลาที่โลกจะแตกสลายยังอีกนานแสนนาน แต่เวลาที่ร่างกายนี้จะยังหายใจอยู่นั้นนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ อาจจะอยู่จนครบ 100 ปี 75 ปี หรืออยู่ได้อีก 10 ปี 10 วัน หรือน้อยกว่านั้น ไม่มีใครทราบได้เลย ในฐานะชาวพุทธที่แท้จริง เราไม่ควรประมาท เราควรทำบุญให้มาก มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อให้วันที่เราเดินเข้าไปใกล้ จนความตายอยู่ตรงหน้าเรา เราก็จะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้ อาจจะด้วยใจที่ปล่อยวาง หรือเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม เพราะเรามั่นใจว่าเราไปดีแน่นอน อ่านแล้วคิดว่าเป็นประโยชน์ก็ส่งต่อให้เพื่อนๆได้ครับ ด้วยความนับถือ ณัฐพบธรรม ผู้เขียน หนังสือ "ถ้ารู้...(กู)...ทำไปนานแล้ว" สามารถ Follow ผมทาง Twitter ได้ที่ http://twitter.com/Nutpobtum ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน กมลเวช เมืองศรี , Dindang, Bangkok, Bkk 10400, Thailand -- To unsubscribe visit: http://getresponse.com/unsubscribe.html?x=a62b&m=Jizp&s=Skh6p&y=o& To change your contact details visit: http://getresponse.com/change_details.html?x=a62b&s=Skh6p&y=p&

--
- ร่วมกัน เสวนา ถาม-ตอบ วันละ 1 กระทู้ สร้างความรู้ใหม่ได้ มหาศาล -
 
แนะนำ :
 
http://www.JobSiam.com : โปรโมชั่น*! ประกาศรับสมัครงาน สำหรับนักสรรรหา มืออาชีพ พร้อมรับส่วนลด มากมาย ถึง 31 ธันวาคม 2552 นี้ เท่านั้น
http://www.SiamHRM.com : สยามเอชอาร์เอ็ม ดอทคอม รวมพลคนทำงาน มากที่สุด
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม "บริหารทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทย"
- หากต้องการโพสต์ ถึงกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ siamhrm@googlegroups.com
- หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิกกลุ่ม ส่งอีเมลไปที่ siamhrm+unsubscribe@googlegroups.com (ยืนยัน การยกเลิกใน Email อีกครั้ง.)
- หากต้องการดูกระทู้ หัวข้อ HR โปรดไปที่กลุ่มนี้โดยคลิกที่ http://groups.google.co.th/group/siamhrm?hl=th&pli=1
- เนื่องจากสมาชิกมีจำนวนมาก สมาชิกทุกท่าน ควรอ่านกติกา มารยาท และใช้เมล์กรุ๊ปร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น