วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๘


ฉบับที่ ๑๖๒ เจ้ากรรมนายเวร



เจ้ากรรมนายเวร
กับเทวดาประจำตัวมีจริงไหม?


จักรวาลนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่เห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้
แล้วก็มีไม่กี่คนที่รู้ด้วยอภิญญาจิตได้
ดังนั้น หลักที่พระพุทธเจ้าประทานไว้ คือ
สิ่งใดเราไม่รู้ไม่เห็น แต่เขาลือๆกันว่ามี ลือๆกันว่าเป็น
ก็อย่าเพิ่งคัดค้าน อย่าเพิ่งสนับสนุน
แต่ให้ไล่เลียงอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า
ถ้ามี มีได้ด้วยเหตุใด 
ถ้าไม่มี ไม่มีได้อย่างไร
ถ้าอยากเชื่อ ควรปฏิบัติแบบใด
ถ้าไม่อยากเชื่อ ควรมีท่าทีประมาณไหน


ยกตัวอย่างเช่น 'เจ้ากรรมนายเวร' ตามความเชื่อไทยๆ
คือวิญญาณที่คอยตามล้างตามผลาญ
พยายามเอาคืนเราแบบข้ามภพข้ามชาติ
เราควรสันนิษฐานว่าถ้ามีเช่นนั้นจริง
ก็ต้องเคยร่วมบาป หรือทำให้เขาอาฆาตแค้นอย่างแรง
และถ้าสมมุติว่าเป็นแค้นฝังหุ่นสุดขีด
ชนิดเคยแล่เนื้อเอาเกลือทาเขาไว้
อย่างนี้ถ้าแค่สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้
หรือเอาเงินหมื่นสองหมื่นไปทำพิธีตามผีบอก
แล้วขอว่า อโหสิให้กันเถอะนะ ที่แล้วก็แล้วกันไป
เขาคงไม่ปลื้มพอ ไม่นึกอยากปล่อยเราเป็นอิสระแน่
ทางที่ดี วิถีพุทธคือให้เจริญเมตตา
ด้วยการนึกถึงบุญที่เราเคยทำจริงไว้ก่อน
หรือบุญ ณ บัดนี้ที่เราไม่ปรารถนาการเบียดเบียน
นึกจนรู้สึกถึงสุขที่แผ่ออกจากใจ
ไม่ต้องเบียดเบียนกันระหว่างเรากับเจ้ากรรมนายเวร
เราสุขอยู่ในความไม่เบียดเบียนอย่างไร 
ก็ขอให้เขาเป็นสุขอยู่ในความไม่เบียดเบียนอย่างนั้น
ที่สำคัญคือต้องทำบ่อย ทำไปเรื่อยๆ
ไม่ใช่ทำเดี๋ยวเดียว ครั้งเดียว
จึงพอจะมีอิทธิพลทางใจ ให้เขาคล้อยตามในทางดีได้


แต่ถ้าเป็นเทวดาประจำตัว ตามความเชื่อของหลายๆประเทศ
คือเทวดาที่มีหน้าที่อารักขามนุษย์
ภาพในใจคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยตามเราเป็นเงาตามตัว
ไปช่วยปัดเป่าเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี
หรือไม่ก็ที่คอยดลใจให้เราได้คิด ได้สติ
ถ้ามีอะไรเช่นนั้นจริง ก็ควรตั้งความเชื่อไว้ว่า
เราต้องมีบุญญาธิการสูงมาก
ขนาดเทวดาซึ่งเป็นภพภูมิ
สำหรับเสวยสุขเหนือมนุษย์จากบุญเก่า
ยังต้องมาสะกดรอยตามเราต้อยๆ ช่วยทำโน่นทำนี่ให้
หรืออย่างน้อยเราก็ต้องมีบุญคุณกับท่าน
จนทำให้ท่านนึกอยากตอบแทน
ยอมสละเวลาอันเป็นทิพยสภาพ
มาเฝ้าภพเฝ้าภูมิหยาบๆของเราได้
ต่อให้ไม่กราบไหว้บูชา ท่านก็ยังอยากช่วยเราอยู่ดี
ทางที่ดี วิถีพุทธคือให้ระลึกถึงบุญที่เพิ่งทำเสร็จ 
ยังปลื้มใจไม่หาย
แล้วน้อมนึกว่า ขอให้ท่านอนุโมทนากับบุญนี้เถิด
ทำประจำจนเป็นการผูกไมตรีแบบยั่งยืน


ส่วนใครที่ไม่รู้สึกว่าสัมผัส
ไม่ปลื้มพอจะเชื่อเรื่องเจ้ากรรมนายเวรหรือเทวดาประจำตัว
ก็พึงระลึกถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสชี้ไว้ นั่นคือ
กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจนี้
กรรมใหม่ คือ เจตนาดีชั่วที่ตัดสินใจคิด พูด ทำแล้ว


พูดง่ายๆ เจ้ากรรมนายเวรของแท้
ก็คือร่างกายนี้ จิตสำนึกแบบมนุษย์นี้
มันตามรังควานเราด้วยความเป็นรังโรค
ตลอดจนว้าวุ่นคิดนึกว่าจะทำอะไรตามใจอยากบ้าง


ส่วนเทวดาประจำตัวของจริง
ก็คือจิตใต้สำนึกที่คอยบอกทาง
เป็นสัญญาณนำร่องอันเกิดจากบุญเก่า
ดลจิตให้เกิดการตัดสินใจที่ถูกที่ชอบ
ที่เป็นไปในทางอยู่รอดปลอดภัย


ส่วนภูตผีปีศาจและเทวดานอกตัวนั้น
แม้มีอิทธิพลมืดครอบงำใจให้หลงผิด
หรือมีอิทธิพลสว่างเปิดใจให้รับธรรม
ก็เป็นแค่แรงเสริมของเดิมที่มีอยู่แล้วในเรา
ไม่ใช่อยู่ๆมาสะกดจิตกันได้ตลอดเวลาให้ทำนั่นทำนี่


เมื่อตั้งความเชื่อและมุมมองไว้ตรงทางพุทธ
คุณจะรู้สึกถึงความสว่างทางเหตุผล
มีความเป็นตัวของตัวเองแบบผู้รู้ผู้ตื่น
ไม่ใช่รู้สึกคับแคบอยู่กับอารมณ์มืดบอด
ไม่ใช่ใครพูดเรื่องพรรค์นี้อย่างไร
ก็เชื่อตามเขาไปอย่างนั้น 
ไม่เหลือเหตุผลของตนเองติดตัวอยู่เลย


ดังตฤณ
สิงหาคม ๕๘



review


สิ่งใดเป็นเหตุที่ทำให้ราคะ โทสะและโมหะ เกิดขึ้นและเพิ่มขึ้น
และจะสามารถละกิเลสทั้งสามนี้ได้อย่างไร
ติดตามได้ในคอลัมน์ "ธรรมะจากพระสูตร" 
ตอน "ติตถิยสูตร ว่าด้วยความแตกต่างแห่งอกุศลมูล ๓"


ใครที่อยากเป็นนักเขียนฝีมือดีมีความคิดแปลกใหม่
ลองมาดูวิธีสร้างกรรมให้เห็นผลทันตาในชาติปัจจุบัน
ได้จากคอลัมน์ "ดังตฤณวิสัชนา"
ตอน "ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่เก่งและมีความคิดสร้างสรรค์ ควรทำอย่างไร"


การเจริญเมตตานั้นมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่หลายประการ
ดังนั้นในคอลัมน์ "จุดหมายปลายธรรม" ฉบับนี้
คุณงดงามจึงมีวิธีฝึกให้มีเมตตาจิตมาแบ่งปัน 
ในตอน "หัดเจริญเมตตา (ตอนที่ ๒)"

--

---
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณสมัครรับข่าวสารจากกลุ่ม "ธรรมะใกล้ตัว" ของ Google Groups
หากต้องการยกเลิกการสมัครรับข่าวสารและหยุดรับอีเมลจากกลุ่มนี้ โปรดส่งอีเมลไปที่ dharma-at-hand+unsubscribe@googlegroups.com
หากต้องการดูตัวเลือกเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://groups.google.com/d/optout

ไม่มีความคิดเห็น: