วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ วิธีรู้สึกดีขึ้นกับคนที่คุณเกลียด




จากใจ บก ใก้ตัว

ฉบับที่ ๑๔๐ วิธีรู้สึกดีขึ้นกับคนที่คุณเกลียด


วิธีที่ดีที่สุด
ที่จะรู้สึกดีขึ้นทันทีกับคนที่คุณเกลียด
คือมองเขาเป็นเครื่องฝึกจิต
จะได้เห็นว่า
เขาช่วยทำให้ชีวิตคุณก้าวหน้ากว่าคนทั่วไปมาก

ความรู้สึกที่มีต่อคนคนหนึ่ง
ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นเขาถ่ายเดียว
แต่อยู่ที่มุมมองของคุณเองด้วย

มองอย่างคาดหวัง
ก็ให้ความรู้สึกเป็นสุขเป็นทุกข์แบบรอความหวัง
หรือผิดหวังสมหวัง 
ทั้งที่เขาอาจไม่ได้อยากรับฝากความหวังให้คุณ

มองอย่างเป็นเพื่อนร่วมโลก
ก็ให้ความรู้สึกพึ่งพาซึ่งกันและกัน
แบบคนที่ต้องอาศัยโลกใบเดียวกัน
คนหนึ่งทำไว้กับโลกอย่างไร
อีกคนก็ได้รับผลกระทบจากความเป็นโลกอย่างนั้น

มองอย่างเป็นศัตรูคู่แข่ง
ก็ให้ความรู้สึกว่าต้องเอาชนะคะคานกัน ทำลายกัน
ยอมกันไม่ได้ ถอยแม้แต่ก้าวเดียวไม่ได้
หรือกระทั่งเป็นสุขกับการอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

แต่ถ้ามองอย่างเป็นเครื่องฝึกจิต
ความรู้สึกทั้งหมดจะพลิกกลับ
เพราะธรรมดาคนเราจะไม่คิดฝึกจิต
ฉะนั้น เมื่อใครบางคนกลายเป็นที่ตั้งของการฝึกหัด
ความตั้งใจนั้น จะช่วยให้มองย้อนเข้ามาที่ตัว
รู้สึกเข้ามาที่ใจ รู้จักเทียบวัด
เห็นจิตของตัวเองดีขึ้นหรือแย่ลงได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

คุณเลือกฝึกได้สารพัด
ฝึกควบคุมตนเองในสถานการณ์อึดอัด
ฝึกความฉลาดเลือกคำพูดผ่าทางตัน
ฝึกคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย
และที่สุดอันเป็นที่สุด คือ
ฝึกสมาธิแบบแผ่เมตตา

การฝึกแผ่เมตตาให้เข้าถึงอัปปมัญญาสมาบัติ
หรือเอาให้ได้สมาธิชั้นเลิศนั้น
พระพุทธเจ้าก็แนะให้ใช้ความผูกใจเกลียดนี่เอง เป็นตัวตั้ง
โดยพิจารณาความเกลียดเหมือนโรคภัยไข้เจ็บ
คนเราเมื่อหายป่วยได้ ก็กลับฟื้นมีกำลังวังชาได้
ดีใจได้ว่าเราหายแล้ว หรือทุเลาป่วยแล้ว
ความรู้สึกนั้นย่อมให้ความโล่งอกเบาใจ
ความโล่งอกเบาใจจากอารมณ์เกลียด
ปรุงแต่งจิตให้สว่าง ปลอดโปร่ง แผ่ผาย เป็นกุศลใหญ่
จึงง่ายที่จะพัฒนาเป็นจิตใหญ่ ตั้งมั่นเป็นสมาธิ
เพียงแค่จดจ่อรู้อยู่กับรสสุข สว่างโล่งจากอารมณ์เกลียดนั้น

เพียงระลึกว่า
ไม่มีใครเป็นเป้าฝึกจิตได้เหมาะเท่าคนที่คุณเกลียด
คนที่คุณเกลียดจะไม่น่ารังเกียจอีกต่อไป
ยิ่งถ้าคุณฝึกจิตข้อไหนสำเร็จ 
พัฒนาจิตให้ก้าวหน้าขึ้นได้จริง
เมื่อนั้น ภาพในใจของคนที่คุณเกลียด
อาจสว่างเรืองรอง ให้ความรู้สึกดีเกินกว่าจะคาดได้ถูกด้วย


ดังตฤณ
ตุลาคม ๕๗

heading02

 

ขันติคือความอดทนอดกลั้น
เป็นตบะธรรม อันนำตนให้พ้นจากทุกข์ได้
ดังความในพระธรรมเทศนา โดย หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ
ใน "สารส่องใจ" เรื่อง "ขันติอด ขันติทน" (-/\-)

การมองโลกตามความเป็นจริงด้วยความเข้าใจ
โดยเฉพาะในยามที่ชีวิตพบปัญหา
อาจเกิดประโยชน์กว่าการเลือกมองแต่เฉพาะในแง่ดีหรือร้าย
ดังที่คุณงดงามนำมาบอกเล่าไว้ใน "จุดหมายปลายธรรม"
ตอน "มองโลกแง่ลบและแง่บวก"

ส่วนใครที่กำลังเผชิญปัญหาสารพัด จนทุกข์หนัก เครียดจัด
เหมือนชีวิตมีแต่เรื่องเลวร้าย จนทนแทบไม่ไหว
"ดังตฤณวิสัชนา" ฉบับนี้ มีคำตอบให้
ในตอน "มีวิธีชะลอการให้ผลของกรรมไม่ดีบ้างไหม"



อ่านธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ได้ที่

สมัครรับนิตยสารธรรมะใกล้ตัวทั้งสองฉบับได้ที่
 


ยกเลิกสมาชิกนิตยสารธรรมะใกล้ตัวทั้งสองฉบับได้ที่

--

---
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณสมัครรับข่าวสารจากกลุ่ม "ธรรมะใกล้ตัว" ของ Google Groups
หากต้องการยกเลิกการสมัครรับข่าวสารและหยุดรับอีเมลจากกลุ่มนี้ โปรดส่งอีเมลไปที่ dharma-at-hand+unsubscribe@googlegroups.com
หากต้องการดูตัวเลือกเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://groups.google.com/d/optout

ไม่มีความคิดเห็น: