วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

Re: [SIAMHRM.COM :30206] RE: ช่วยอธิบายกฎด้วยค่ะ

ตามที่กล่าวมา ผมคิดว่าไม่ถูกต้องครับ เสนอให้ลงโทษทางวินัย ฐานความผิดไม่บันทึกเวลาการทำงาน ให้ไปดูที่ข้อบังคับฯ ว่าเขียนไว้หรือไม่
 
MR. PRASERT BOONKONG




________________________________
From: Nicha.r <paripui2@gmail.com>
To: adisorn klinpikul <adisorn_pers@hotmail.com>
Cc: p_u_orawan@hotmail.com; lovelyhrs@googlegroups.com; siamhrm@googlegroups.com
Sent: Fri, October 22, 2010 3:59:35 PM
Subject: Re: [SIAMHRM.COM :30194] RE: ช่วยอธิบายกฎด้วยค่ะ


แล้วแบบนี้ในฐานะลูกจ้างจะทำอย่างไรดีค่ะ   ที่บริษัทฯ เป็นกรณีแบบนี้เลย
1.ถ้า ลืมสแกนนิ้ว ตอนเลิกงาน ตอนเช้าสแกนเข้า
แต่ตอนเลิกงานลืมสแกนออก โดนตัดเป็นขาดงาน (ถือว่าวันนั้นไม่มาทำงาน
ถึงแม้ที่จริงเรามาทำงานก็ตาม )ถ้าไม่สแกนนิ้ว  ไม่ว่าจะลืมตอนเข้างาน หรือเลิกงาน
ถือว่าขาดงาน  ถ้าไม่อยากโดนตัด  ต้องเขียนวันลา 1 วัน ไม่มีข้อยกเว้นใดๆเลยค่ะ



เมื่อ 22 ตุลาคม 2553, 15:28, adisorn klinpikul <adisorn_pers@hotmail.com>
เขียนว่า:

สวัสดีครับ
>อธิบายเลยนะครับ

>ในข้อที่ 1. ลืมตอกบัตร
>และมีบทกำหนดโทษหักค่าแรง ใช้บังคับลูกจ้างไม่ได้ครับ
>เพราะนายจ้างทำผิดกฎหมายคุ้มครอง มาตรา 76
>
>ในมาตรา 76 ห้ามนายจ้างหักค่าจ้างลูกจ้างครับ ถ้านายจ้างจะเอาระเบียบนี้มาบังคับใช้
>และลูกจ้างฟ้องนายจ้างก็จะมีความผิดตามบทกำหนดโทษมาตรา 144
>ทั้งจำ ทั้งปรับครับ
>การที่พนักงานลืมตอกบัตร ไม่ได้หมายความว่าพนักงานไม่ได้มาทำงานให้นายจ้าง
>ดังนั้นนายจ้างจึงต้องจ่ายค่าจ้างตามเวลาที่พนักงานมาทำงานให้จริง
>จะไปหักไม่ได้ครับ หากจะพิจารณาโทษ
>ก็ต้องพิจารณาในข้อหาพนักงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบการตอกบัตร
>ซึ่งนายจ้างอาจจะลงโทษด้วยการตักเตือนด้วยวาจา
>หรือตักเตือนเป็นหนังสือ
>และหากลูกจ้างยังทำผิดซ้ำคำเตือนอีกโดยเจตนา นายจ้างก็มีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้ครับ
>
>แต่จะไปหักค่าจ้างไม่ได้
>นอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้วก็มีความผิดตามกฎหมายอีกด้วยครับ
>ประกาศฉบับนี้ในข้อที่1. จึงเป็นโมฆะ  ใช้บังคับลูกจ้างไม่ได้ครับ

>ข้อที่2. ในหมายเหตุก็มีข้อที่ขัดต่อกฎหมายเรื่องการหักค่าจ้างเช่นเดียวกับข้อที่
>1.ครับ หักนาทีละ 5 บาท หรือหักเงิน 50 บาท / ครั้ง เป็นโมฆะ
>ลูกจ้างฟ้องนายจ้างได้ครับ
>ส่วนเรื่องที่นายจ้างจะหักเบี้ยขยันกรณีพนักงานมีวินัยที่ไม่ดี นั้นย่อมทำได้ครับ
>เบี้ยขยันถือเป็นค่าตอบแทนอย่างอื่นที่นายจ้างให้แก่ลูกจ้างเพื่อจูงใจนอกเหนือจากค่าจ้างตามกฎหมาย
>

>ข้อที่ 3. การลากิจ นายจ้างกำหนดระเบียบข้อบังคับอย่างนี้ได้ครับ
>แต่ทั้งนี้ในทางปฏิบัติจริง หากลูกจ้างมีกิจธุระอันจำเป็นจริง ๆ
>และอาจจะเกินจากจำนวนวันในข้อบังคับที่นายจ้างเขียนไว้
>นายจ้างก็ต้องอนุญาตครับ เพราะเป็นสิทธิของลูกจ้างตามมาตรา 34
>ส่วนนายจ้างจะจ่ายค่าจ้างให้หรือไม่นั้น 
>ก็ขึ้นอยู่กับระเบียบนายจ้างกำหนดเอาไว้อย่างไรครับ
>ถ้าลูกจ้างมีกิจธุระอันจำเป็นจริง ๆ แต่นายจ้างไม่ให้กจ้างลา
>ลูกจ้างก็ยอ่มฟ้องนายจ้างในมาตรา 34 ได้เช่นกันครับ

>ข้อที่ 4. ผิดทั้งหมดเลยครับ ไปเขียนอย่างนี้เป็นโมฆะตั้งอต่คำว่าลาพักร้อนแล้ว
>เพราะในกฎหมายนั้นไม่มีลาพักร้อนครับ
>
>ที่ถูกต้องคือวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามมาตรา 30 ซึ่งเป็นวันหยุด ไม่ใช่วันลา
>ลูกจ้างไม่ต้องมาขอลาต่อนายจ้างครับ
>แต่เป็นหน้าที่ที่นายจ้างจะต้องให้ลูกจ้างได้หยุดในแต่ละปี ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 6
>วัน ที่ถูกต้องแล้วนายจ้างจะต้องจัดให้ลูกจ้างได้หยุดในแต่ละปีไปเลยครับ
>นายจ้างมีสิทธิกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้างแต่ละคนได้
>หรือนายจ้างกับลูกจ้างอาจตกลงกันล่วงหน้าว่าจะหยุดวันไหนในแต่ละปีก็ได้
>แต่ไม่ใช่ให้ลูกจ้างมาขอลาแล้วนายจ้างจึงจะอนุญาตหนรือไม่อนุญาตครับ 
>นอกจากนี้นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่ลูกจ้างตามมาตรา
>56 ด้วย
>และในปีใดที่ลูกจ้างไม่ได้หยุดตามสิทธิของลูกจ้าง
>นายจ้างก็จะต้องจ่ายค่าจ้างในวันหยุดประจำปีนี้ทดแทนให้แก่ลูกจ้างเมื่อสิ้นปีด้วย
>ยกเว้นว่านายจ้างจะกำหนดให้สะสมหรือเลื่อนไปในปีถัด
>ไปได้
>ซึ่งในปีถัดไปนายจ้างก็จะต้องจัดให้ลูกจ้างได้ใมช้สิทธิทั้งในปีนั้นและสิทธิที่สะสมจากปีที่ผ่านมาด้วยครับ
>
>ข้อที่ 4 ที่เขียนไว้อย่างนี้ จึงเป็นโมฆะทั้งหมดครับ 

>ข้อที่ 5. การลาป่วย คำว่าลาได้ไม่เกินสามสิบวันต่อปี เป็นโมฆะครับ
>เพราะสิทธิของลูกจ้างในการลาป่วยกำหนดในมาตรา 32
>ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง
>ดังนั้น ลูกจ้างลาป่วยได้ปีหนึ่ง 365 วัน ครับ ไม่ใช่ 30 วัน แต่ต้องป่วยจริงนะครับ
>หากลาป่วยเป็นเท็จ นายจ้างก็อาจเลิกจ้างได้โดยไม่จ่ายค่าชดเชยครับ
>เพราะเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 119
>

>เรื่องของ 30 วันนั้น อยู่ในมาตรา 57 ครับ
>เป็นเรื่องของค่าจ้างในวันลาป่วยที่นายจ้างต้องจ่ายให้แก่ลูกจ้างแต่ปีหนึ่งไม่เกินสามสิบวันครับ
>คำว่าลาไม่ต่อเนื่องโดยไม่มีใบแพทย์ใหได้ไม่เกินสิบวันต่อปีก็เป็นโมฆะเช่นกันตามเหตุผลข้างต้นครับ
>บ ลาติดต่อกันสองครั้งต้องมีใบรับรองแพทย์ก้เป็นโมฆะครับ กฎหมายในมาตรา 32
>ลูกจ้างที่ป่วยเกินสามวันขึ้นไป จะต้องแสดงใบรับรองแพทย์ต่อนายจ้าง
>หากไม่สามารถนำมาแสดงได้ กฎหมายเค้าให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบเท่านั้น 
>โดยเจตนารมณ์มีไว้เพื่อให้นายจ้างได้เอาใจใส่ต่อลูกจ้างหรือให้คำแนะนำในการรักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง
>
>แต่ไม่ได้ให้นายจ้างใช้เป็นเครื่องมือในการพิสูจน์ว่าลูกจ้างป่วยจริงหรือไม่
>และเอาเป็นหลักฐานในการลงโทษลูกจ้างครับ
>กรณีอย่างนี้ลูกจ้างฟ้องนายจ้างมาเยอะแล้วครับ
>และนายจ้างต้องแพ้คดีแทบทั้งสิ้น 
>เพราะนายจ้างไม่มีหลักฐานที่แสดงต่อศาลว่าลูกจ้างลาป่วยเป็นเท็จครับ
>ใบรับรองแพทย์ยังใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงไม่ได้ครับ
>เพราะลูกจ้างอาจจะป่วยจริงแต่เค้าไม่ไปพบแพทย์ก็ได้
>ซึ่งนายจ้างจะมาอ้างว่าลูกจ้างป่วยเป็นเท็จก็ไม่ได้เช่นกันครับ

>ข้อที่ 6. เขียนไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ เพราะระเบียบต่าง ๆ นั้น
>นายจ้างจะต้องออกมาภายใต้กรอบกฎหมาย
>และพนักงานจะต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดตลอดเวลาอยู่แล้ว
>ไม่ใช่มาเคร่งครัดเอาตอนที่จะลาออกเท่านั้น
>และการกำหนดเรื่องการแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย สามสิบวัน
>ก็บังคับใช้ไม่ได้อีกเช่นกันครับ
>เพราะการลาออกของลูกจ้างเป็นสิทธิของลูกจ้างตามมาตรา 17
>ลูกจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างต่อนายจ้างได้ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงงวดการจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใดเพื่อให้มีผลต่องวดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้า
> ซึ่งไม่จำเป็นต้องแจ้งล่วงหน้าต่อนายจ้างก่อนสามสิบวันก็ได้ครับ

>สรุปว่าประกาศฉบับนี้เป็นโมฆะทุกข้อ บังคับใช้ไม่ได้ครับ
>นอกจากนี้การที่นายจ้างจะออกกฎระเบียบแก้ไขหรือเพิ่มเติมขึ้นมาใหม่นั้น ในมาตรา 110
>นายจ้างจะต้องสำเนาเอกสารส่งให้แก่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานภายในเจ็ดวันด้วยครับ
>
>และแน่นอนว่า ไม่ผ่านครับ

>วิธีการเขียนข้อบังคับนั้น เราจะต้องแยกหมวดหมู่ออกมาว่า
>
>-          นายจ้างห้ามอะไรบ้าง หรือนายจ้างให้ลูกจ้างต้องปฏิบัติอะไรบ้าง
> เขียนออกมาให้อ่านแล้วเข้าใจ
>กระชับ ชัดเจน  มีบทลงโทษอะไรบ้าง และใครมีอำนาจในการพิจารณาโทษ
>กระบวนการพิจารณาทางวินัยทำอย่างไร  และพนักงานจะร้องทุกข์ร้องเรียนได้ที่ใคร
>หากเห็นว่าเค้าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการตัดสิน

>   ตัวอย่าง เช่น
>         ในหมวดข้อปฏิบัติ
>         1.  พนักงานทุกคนจะต้องตอกบัตรเมื่อเข้าทำงานและเลิกงาน
>         2.  พนักงานทุกคนจะต้องใส่ชุดแบบฟอร์มมาทำงานทุกวัน
>         3.  การลากิจพนักงานจะต้องขออนุญาตต่อผู้บังคับบัญชาล่วงหน้าอย่างน้อย 3
>วัน
>             
>และในกรณีฉุกเฉินให้โทรแจ้งผู้บังคับบัญชาในวันที่ไม่สามารถมาทำงานได้ทันที
>              โดยจะต้องส่งใบลาย้อนหลังในวันแรกที่มาทำงานได้ตามปกติ

>         ในหมวดข้อห้าม
>1.       ห้ามพนักงานขายสินค้าหรือทำงานส่วนตัวในเวลางาน
>2.       ห้ามพนักงานเสพยาเสพติด
>3.       ห้ามออกนอกสถานที่หรือบริเวณโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา


>บทลงโทษ
>พนักงานที่ฝ่าฝืนข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติ
>บริษัทจะทำการสอบสวนและพิจารณาโทษอย่างเป็นธรรม โดยมีบทกำหนดโทษดังนี้
>1.       ตักเตือนด้วยวาจา
>2.       ตักเตือนเป็นหนังสือ
>3.       พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างเป็นเวลา…วัน
>4.       เลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย 
>                   
>

>หากพนักงานกระทำผิดซ้ำคำเตือนภายในระยะเวลา 1
>ปีนับแต่วันที่พนักงานกระทำผิดทางวินัย บริษัทอาจเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยทันที  

>ผู้พิจารณาโทษทางวินัยได้แก่ …………………………………………………………….
>ซึ่งตามหลักการปกครองแล้ว ฝ่ายบุคคลไม่มีอำนาจลงโทษใครนอกจากลูกน้องตัวเองนะครับ 
>ผู้ที่จะลงโทษพนักงานได้ควรจะต้องเป็นผู้บังคับบัญชาในสายงานของพนักงานที่กระทำผิดโดยตรงและจะต้องมีหลักฐานว่าเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนนายจ้างด้วย
>
>โดยฝ่ายบุคคลจะเป็นที่ปรึกษาเท่านั้น
>และฝ่ายบุคคลเองจะต้องมีที่ปรึกษาปัญหาแรงงานที่พนักงานสามารถมาร้องทุกข์ร้องเรียนได้ด้วยครับ
>
>  และหากพนักงานมีประวิติทางวินัยนั้น
>เราจะมีอะไรเพิ่มเติมกำกับในแง่ของการให้คุณให้โทษปลายปีอย่างไรก็แยกออกมาเขียนไว้ให้ชัดเจนลงไปเลยครับ
> เช่นหากพนักงานมีความผิดตั้งแต่ขั้นตักเตือนเป็นหนังสือในปีใด
>ปีนั้นบริษัทจะหักคะแนนเกรดประเมินผลประจำปีลง 1 ขั้น  หรือหากมีโทษพักงาน
>จะไม่มีสิทธิได้รับโบนัส เป็นต้นครับ
>
>                      เรื่องเบี้ยขยันนั้นก็ให้เขียนแยกออกมาต่างหากไปเลยครับ
>เช่นกำหนดเอาไว้เท่าไหร่
>
>ใครมีสิทธิได้บ้าง และมีเงื่อนไขอะไรบ้าง  จะไม่ได้สิทธิเพราะอะไรบ้าง เช่น
>พนักงานที่กระทำผิดทางวินัยตั้งแต่ระดับตักเตือนเป็นหนังสือขึ้นไป
>จะไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยขยัน จะครอบคลุมและชัดเจนกว่าครับ
> เพราะกรอบคือการที่พนักงานทำผิดวินัยจะไม่ได้เบี้ยขยัน
>กรณีอื่น ๆ นอกจากนี้หากเค้าไม่มีความผิดเค้าก็จะได้ตามปกติ
>     จะเห็นได้ว่าในข้อ 2. ที่เขียนมานั้น ปนเปกันไปหมดเลยครับ
>ทำให้อ่านแล้วมีข้อสงสัยต่าง ๆ นา ๆ ขึ้นมา เวลาเราอธิบายก็ยากด้วย
>ต้องมาอธิบายหรือตอบคำถามเป็นเรื่อง ๆ ไปแล้วแต่พนักงานจะคิด
>ซึ่งเค้ามีสิทธิคิดและเราไปห้ามความคิดเค้าไม่ได้ด้วยครับ
>
>      ระเบียบที่เขียนนั้นไม่ควรเขียนปนเปกันไป ทั้งข้อห้าม
>ข้อปฏิบัติและบทกำหนดโทษ
>อยู่รวม ๆ กัน เพราะอ่านแล้วจะสับสนและเกิดความซ้ำซ้อนได้ครับ
>ต้องแยกออกมาเป็นหมวดไปตามตัวอย่างข้างต้น เวลาวินิจฉัยจะได้อ้างอิงได้ง่าย
>   ส่วนผู้ลงนามในเอกสารต่าง ๆ นั้นก็ควรแยกกำกับออกมาเป็นเรื่อง ๆ ไปด้วย
>อย่าไปกำหนดคนใดคนหนึ่งให้มีอำนาจทำอะไรเป็นการจำเพาะเจาะจงมากไปครับ
> เพราะจะเกิดความระแวงหรือข้อครหาในองค์กรได้
>ยกเว้นบางเรื่องเท่านั้นที่กฎหมายสงวนสิทธิให้ผู้มีอำนาจลงนามขององค์กรเท่านั้น
> ในส่วนอื่น ๆ นั้นควรกำหนดในรูปของคณะกรรมการจะดีกว่าครับ
>เพราะโปร่งใสและเป็นธรรมมากกว่าครับ และถ้าจะเขียนว่ามีข้อยกเว้นอะไรก็ตาม
>ในเอกสารจะต้องระบุถึงสาเหตุ เหตุผลกำกับไปด้วยเสมอครับ อย่าไปเขียนเอาไว้ลอย ๆ
>เพราะอ่านแล้วสับสนได้  อย่างในข้อ 1. ถ้าเราจะเขียนว่า ยกเว้นมีลายเซ็นผู้บริหาร
>ก็ต้องกำกับไปด้วยว่า
>ให้ถือว่าเอกสารนั้นได้รับการตรวจสอบแล้วว่าพนักงานมีความจำเป็นจริง
>ไม่ถือว่ามีความผิด เป็นต้นครับ

>   ดังนั้นฝ่ายบุคคลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายแรงงานด้วย
>จึงจะสามารถเป็นที่ปรึกษาได้ เป็นผู้ออกกฎระเบียบที่ถูกต้องได้
>และเป็นผู้ที่มีความเข้าใจในกระบวนการพิจารณาทางวินัย
>มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกระดับชั้น ตลอดจนมีจิตวิทยาในการปกครองด้วยครับ 
>
>   ไม่เช่นนั้น ฝ่ายบุคคลเองจะทำให้เกิดมีปัญหาในองค์กร 
>เป็นผู้ที่ทำให้นายจ้างเสียหาย เสียชื่อเสียง จนลูกค้าไม่ยอมรับก็ได้ครับ
>มีหลายองค์กรเกิดปัญหาเช่นนี้มาแล้ว
>
>    พนักงานที่หัวหมอนั้นมีอยู่ในทุกองค์กรครับ
แต่ขอบอกว่าพวกนี้เป็นคนที่มีคุณค่า
>เพราะเค้ารู้จักคิด  เพียงแต่ทัศนคติเค้าอาจจะยังไม่ดีเท่านั้น
>และเราจะต้องเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ดีให้ได้ ด้วยวิธีการต่าง ๆ
>ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ
>เรื่องนี้แลกเปลี่ยนกับผมได้เลยครับ มีวิธีการหลายอย่าง
>ตั้งแต่การตรวจสอบว่าพนักงานลาป่วยหรือลากิจเป็นเท็จหรือไม่
>วิธีการแก้ไขพนักงานที่มาสาย วิธีการแก้ไขพนักงานเกเร
>วิธีการแก้ไขพนักงานที่ติดยาเสพติด  วิธีการแก้ไขพนักงานที่ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติต่าง ๆ
>ไม่ยากเลยครับ ถ้าเราใช้เครื่องมือทางกฎหมายให้ชัดเจน ในพรบ.
>คุ้มครองนั้นมีเครื่องมือหรืออาวุธของนายจ้างอยู่ครับ
>เพียงแต่เราต้องหาให้เจอและใช้ให้เป็นเท่านั้นครับ
>

>    และควรเริ่มต้นด้วยการทำกฎระเบียบให้ชัดเจน เข้าใจง่าย อยู่ในกรอบของกฎหมาย
>มีความโปร่งใสและเป็นธรรม  มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด
>และมีความยืดหยุ่นตามหลักการปกครองและหลักมนุษยธรรม 
>มีวิธีการตรวจสอบพฤติกรรมพนักงานที่ดี
>และมีระบบบริหารแรงงานสัมพันธ์ที่ดีเพื่อให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและรักองค์กรด้วยครับ
>
>   ยังไงก็ส่งข้อบังคับมาให้ผมช่วยดูก็ได้นะครับ ยินดีที่จะแนะนำให้
>ว่าต้องแก้ไขอะไรบ้างเพราะผมเชื่อว่ามีหลายข้อที่น่าจะยังผิดอยู่ และหากมันผิดแล้ว
>คุณจะไม่สามารถสร้างให้องค์กรแก้ไขปัญหาเรื่องพฤติกรรมของคนในองค์กรได้เลยครับ
> พนักงานหัวหมอจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วจะปวดหัวมากครับ
>อดิศร


>________________________________
From: p_u_orawan@hotmail.com
>To: adisorn_pers@hotmail.com
>Subject: ช่วยอธิบายกฎด้วยค่ะ
>Date: Fri, 22 Oct 2010 12:45:50 +0700
>
>--
>- โปรดร่วมกัน เสวนา ถาม-ตอบ วันละ 1 กระทู้ สร้างความรู้ใหม่ได้ มหาศาล -

>แนะนำ :

>http://www.JobSiam.com : โปรโมชั่น*! ลงประกาศตำแหน่งงาน แถมฟรี สูงสุด 2 เดือน
>ถึง 31 ตุลาคม 2553 นี้
>
>http://www.SiamHRM.com : สยามเอชอาร์เอ็ม ดอทคอม รวมพลคนทำงาน มากที่สุด
>http://www.facebook.com/JobSiam ติดตามตำแหน่งงาน Update.
>~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

>คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม
>"บริหารทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทย"
>- หากต้องการโพสต์ ถึงกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ siamhrm@googlegroups.com
>- หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิกกลุ่ม ส่งอีเมลไปที่
>siamhrm+unsubscribe@googlegroups.com (ยืนยัน การยกเลิกใน Email อีกครั้ง.)
>- หากต้องการดูกระทู้ หัวข้อ HR โปรดไปที่กลุ่มนี้โดยคลิกที่
>http://groups.google.co.th/group/siamhrm?hl=th&pli=1
>- เนื่องจากสมาชิกมีจำนวนมาก สมาชิกทุกท่าน ควรอ่านกติกา มารยาท
>และใช้เมล์กรุ๊ปร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
>~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
>
--
- โปรดร่วมกัน เสวนา ถาม-ตอบ วันละ 1 กระทู้ สร้างความรู้ใหม่ได้ มหาศาล -
 
แนะนำ :
 
http://www.JobSiam.com : โปรโมชั่น*! ลงประกาศตำแหน่งงาน แถมฟรี สูงสุด 2 เดือน
ถึง 31 ตุลาคม 2553 นี้

http://www.SiamHRM.com : สยามเอชอาร์เอ็ม ดอทคอม รวมพลคนทำงาน มากที่สุด
http://www.facebook.com/JobSiam ติดตามตำแหน่งงาน Update.
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
 
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม
"บริหารทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทย"
- หากต้องการโพสต์ ถึงกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ siamhrm@googlegroups.com
- หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิกกลุ่ม ส่งอีเมลไปที่
siamhrm+unsubscribe@googlegroups.com (ยืนยัน การยกเลิกใน Email อีกครั้ง.)
- หากต้องการดูกระทู้ หัวข้อ HR โปรดไปที่กลุ่มนี้โดยคลิกที่
http://groups.google.co.th/group/siamhrm?hl=th&pli=1
- เนื่องจากสมาชิกมีจำนวนมาก สมาชิกทุกท่าน ควรอ่านกติกา มารยาท
และใช้เมล์กรุ๊ปร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ไม่มีความคิดเห็น: