วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[SIAMHRM.COM :28047] RE: เงินประกัน

สวัสดีครับ
ถึงจะเป็นสัญญาจ้างที่อ้างว่าเป็นระหว่างบุคคลก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงแล้วมันเกี่ยวข้องกับมาตรา 10  มาตรา 17 และมาตรา 76  ในกฎหมายแรงงาน และถือว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงานครับ
ไม่ใช่สัญญาทางแพ่ง  อย่างเช่น หากนายจ้างกำหนดว่าให้ลูกจ้างต้องแจ้งลาออกล่วงหน้าก่อน 30 วัน หากไม่ปฏิบัติตาม นายจ้างจะฟ้องร้องค่าเสียหาย
เขียนในสัญญาได้ครับ แต่หากจะบังคับกัน นายจ้างก็ต้องไปฟ้องแพ่ง แต่ฟ้องในคดีแรงงานไม่ได้ เพราะในมาตรา 17 เป็นสิทธิของลูกจ้างที่สามารถบอกเลิกสัญญาจ้างเป็นหนังสือ ( ยื่นใบลาออก )  ต่อนายจ้างได้ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงงวดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้า
   ซึ่งถ้าการลาออกของลูกจ้างไม่ได้เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงกับนายจ้างไว้ว่าต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 30 วัน นายจ้างก็ต้องไปฟ้องค่าเสียหายทางแพ่งเอาเอง และนายจ้างก็ต้องมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่านายจ้างเสียหายเป็นมูลค่าเท่าไร  และยังไม่ปรากฎว่ามีนายจ้างคนไหนฟ้องลูกจ้างในกรณีอย่างนี้ครับ เพราะไม่คุ้ม และไม่สามารถอ้างอิงหลักฐานมูลค่าเสียหายได้ ฟ้องไปก็แพ้คดีครับ
  ทำนองเดียวกันกับการใช้สัญญานี้มาผู้พันกับเงินประกันตามมาตรา 10 เพราะหากนายจ้างจะริบเงินประกัน นายจ้างก็ต้องพิสูจน์ใด้ว่านายจ้างเสียหายไปทีมูลค่าเท่าไร แล้วก็ไปฟ้องแพ่งเพื่อเรียกร้องกับลูกจ้าง ซึ่งบอกได้เลยว่านายจ้างไม่มีหลักฐานถึงมูลค่าเสียหายที่ชัดเจนต่อศาลได้เพียงพอ  แต่หากว่าลูกจ้างคนนั้นได้ทำให้ทรัพย์สินนายจ้างเสียหายก็อีกเรื่องหนึ่งครับ เพราะมีหลักฐานถึงมูลค่าที่เสียหายตามความเป็นจริงได้  และนายจ้างสามารถหักริบเงินประกันแก่ลูกจ้างได้ตามมาตรา 76 ( 4 ) ครับ แต่ในมาตรา 76 ( 4 ) นั้นก็ยังเขียนต่อไปอีกด้วยว่าลูกจ้างต้องยินยอมเท่านั้น ถ้าลูกจ้างไม่ยินยอม นายจ้างก็ไม่สามารถหักเงินประกันนี้ได้ ตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งก็ต้องไปฟ้องแพ่งอีกเช่นกันครับ
 
   สรุปนะครับ ในสัญญานี้มีอยู่สองประเด็น  
 
   1. ประเด็นลูกจ้างลาออกก่อนกำหนดในลักษณะที่ลูกจ้างลาออกโดยไม่ได้แจ้งต่อนายจ้างก่อน 30 วัน และนายจ้างจะริบเงินประกันหรือนายจ้างจะฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายตามที่นายจ้างระบุไว้ในสัญญา ถึงแม้ลูกจ้างจะยินยอมลงนามในสัญญานั้นแล้ว นายจ้างก็บังคับไม่ได้ เพราะสัญญาลักษณะนี้เป็นโมฆะครับ  เป็นสัญญาที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินสมควรซึ่งลูกจ้างอาจไปร้องต่อศาลตามมาตรา 14/1 เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้นายจ้างยกเลิกสัญญานี้ก็ได้ หรือหากนายจ้างบังคับใช้ต่อลูกจ้างไปแล้ว ลูกจ้างก็สามารถไปฟ้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน เพื่อเรียกร้องเอาเงินประกันคืนพร้อมดอกเบี้ยได้เช่นกันครับ  เหตุผลเพราะขัดต่อมาตรา 17 อันเป็นสิทธิของลูกจ้างที่จะบอกเลิกสัญญาต่อนายจ้างได้ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงงวดการจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด โดยให้มีผลในงวดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้า ซึ่งในมาตรานี้ไม่ได้กำหนดว่าลูกจ้างจะต้องแจ้งก่อน 30 วัน  และยังขัดต่อเจตนารมณ์ของมาตรา 10 ครับ
   2. ประเด็นหักเงินประกันเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย  (ตามมาตรา 76 )  หากนายจ้างจะหักหรือริบเงินประกันนั้น นายจ้างจะต้องมีหลักฐานถึงมูลค่าเสียหายที่ลูกจ้างได้กระทำผิดในกรณีที่จงใจหรือประมาทอย่างร้ายแรงและทำให้นายจ้างเสียหาย นายจ้างจึงจะหักเงินประกันนั้นได้ตามมูลค่าที่เสียหายจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไปหักเกินกว่านั้นก็ไม่ได้ และถ้าหากมูลค่าเสียหายนั้นเกินกว่าเงินประกันที่เรียกเก็บจากลูกจ้าง และนายจ้างต้องการเรียกร้องค่าเสียหายมากกว่าเงินประกัน นายจ้างก็ต้องไปฟ้องแพ่ง เพื่อให้ศาลบังคับให้บุคคลซึ่งทำให้เกิดความเสียหายนั้น ชดใช้ค่าเสียหายให้ เป็นการฟ้องกันระหว่างคู่กรณีที่ไม่ได้เป็นนายจ้างลูกจ้างต่อกันนะครับ
  3. หากสิ้นสุดสภาพการจ้างกันไม่ว่านายจ้างเลิกจ้างหรือลูกจ้างลาออก นายจ้างจะต้องคืนเงินประกันให้แก่ลูกจ้างภายใน 7 วัน นับแต่วันที่สิ้นสุดสัญญาจ้าง ยกเว้นว่าลูกจ้างได้กระทำความผิดแล้วทำให้เกิดความเสียหายเป็นตัวเงินแก่นายจ้าง นายจ้างจึงจะหักเงินประกันได้ตามข้อที่ 2.  ( มาตรา 76 ) ข้างต้นเท่านั้น ไปหักในกรณีอื่นไม่ได้ครับ 
 
    ดังนั้นสัญญาที่เขียนเอาไว้สองประเด็นรวม ๆ กันอย่างนี้จะบังคับใช้ไม่ได้ครับ เป็นโมฆะ  หากจะเขียนสัญญาก็ต้องแยกออกมาเฉพาะเรื่องของความเสียหายที่เกิดจากลูกจ้างกระทำความผิดโดยจงใจหรือประมาทอย่างร้ายแรงเพียงประเด็นเดียวเท่านั้นจังจะใช้บังคับได้ เพราะมีมาตรา 10 และมาตรา 76 รองรับ
   แต่กรณีที่ลูกจ้างลาออกโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อน 30 วัน แล้วจะหักเงินประกันหรือเรียกร้องค่าเสียหาย ใช้บังคับไม่ได้ครับ ถ้าจะเขียนลงไป นายจ้างก็ต้องไปฟ้องแพ่ง และต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเสียหายเท่าไรด้วย และสัญญานี้ลูกจ้างก็มีสิทธิเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้นายจ้างยกเลิกก็ได้ตามมาตรา 14 / 1 ครับ
   ไม่มีข้ออ้างว่าเป็นสัญญาระหว่างบริษัทเอกชนกับบุคคลครับ นายจ้างไปใช้อ้างไม่ได้ เพราะโดยลักษณะสัญญาแล้วบุคคลที่ว่านั้นมีฐานะเป็นลูกจ้างของบริษัทครับและบริษัทมีฐานะเป็นนายจ้าง ซึ่งมีกฎหมายแรงงานบังคับอยู่ครับ   
    เรื่องนี้ผมสอบถามนิติกรแรงงานให้แล้วนะครับ ยืนยันตามนี้ครับ
  
 
อดิศร

From: chutinthorn@maxtex.net
To: adisorn_pers@hotmail.com
Subject: RE: เงินประกัน
Date: Sat, 31 Jul 2010 10:37:26 +0700

เรียน  อ.อดิศร

 

            ขอบคุณค่ะ  การเก็บเงินประกันบริษัทฯ เป็นไปตาม ม.10 ค่ะ ลูกจ้างทำงานรับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินของบริษัทฯค่ะ  แต่ ข้อที่บริษัทฯ กำหนดไว้ในหนังสือสัญญาหักเงินประกัน จะคืนต่อเมื่อลาออกถูกต้องเท่านั้นจะใช้เป็นข้ออ้างไม่ได้ใช่ไหมค่ะ  พอดีว่าหัวหน้างานของลูกจ้างเขาเคยทำงานทนายค่ะเขาแย้งมาค่ะว่าทำได้ค่ะเพราะเป็นสัญญาระหว่างบริษัทฯเอกชนกับบุคคล ไม่เกี่ยวกับกฏหมายแรงงานค่ะ และทางนายก็ท่าทางจะเชื่อเขาน่ะคะ  ก็เลยไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอะไรให้นายเข้าใขในทางที่ถูกค่ะ  (ดิฉันเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ 4 เดือนเองค่ะ)  อาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

 

            เรียนสอบถามอีกเรื่องค่ะ  สัญญาจ้างระบุไว้ว่า หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามสัญญาข้อนี้  จะยินยอมให้บริษัทฯ ดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายแล้ว  พนักงานยังตกลงชำระค่าปรับให้แก่ บริษัทฯ อีกเป็นจำนวน......บาท     และมีการลงชื่อระหว่างนายจ้างและลูกจ้างรวมทั้งพยาน 

ไม่ทราบว่าสัญญาจ้างงานเช่นนี้ผิดต่อกฏหมายแรงงานไหมค่ะ  นอกเหนือจากเป็นการเอาเปรียบแล้วค่ะ  เพราะทางผู้บริหารเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้างแรงงานใหม่แล้วประมาณว่าจะเขียนข้อความข้างต้นไว้ในสัญญาน่ะคะ  

 

ขอแสดงความนับถือ

ชุตินธร

 

From: adisorn klinpikul [mailto:adisorn_pers@hotmail.com]
Sent: 31 กรกฎาคม 2010 10:04
To: chutinthorn@maxtex.net; lovelyhrs@googlegroups.com; siamhrm@googlegroups.com
Subject: RE: เงินประกัน

 

สวัสดีครับ  อดิศร ครับ
  ประการแรกต้องมาดูก่อนว่า การเก็บเงินประกันนั้น เป็นไปตามมาตรา 10 และประกาศกฎกระทรวงหรือไม่ เพราะในกฎหมายจะกำหนดให้นายจ้างเก็บเงินประกันได้เฉพาะงานบางประเภทเท่านั้น
ถ้านายจ้างไปเก็บเงินประกันนอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในกฎหมาย นายจ้างก็ผิดครับ ตรงนี้คุณไปดูให้ดีก่อนนะครับ เพราะนายจ้างหลายท่านยังไม่เข้าใจ
  ประการต่อมา ในกฎหมายจะกำหนดให้นายจ้างต้องคืนเงินประกันให้แก่ลูกจ้างภายใน 7 วันนับแต่วันสิ้นสุดสภาพการจ้าง
  และการที่นายจ้างไปกำหนดว่าหากลูกจ้างไม่ได้ลาออกตามระเบียบที่กำหนดให้แจ้งล่วงหน้า 30 วัน ระเบียบนี้ขัดต่อมาตรา 17 ครับ
   นายจ้างจึงจะยกเอาเงื่อนไขนี้มาเป็นข้ออ้างในการไม่คืนเงินประกันไม่ได้เช่นกันครับ เพราะเป็นระเบียบที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินสมควร
 ถึงแม้ลูกจ้างจะยินยอมก็ไม่ได้ครับ

  เงินประกันตามมาตรา 10 นี้ กฎหมายมีเจตนารมณ์เพื่อ ป้องกันไม่ให้นายจ้างเสียหายในลักษณะที่เป็นตัวเงินจากการกระทำของลูกจ้างที่รับผิดชอบเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองของนายจ้าง

แต่ไม่ได้มีเจตนารมณ์เพื่อป้องกันม่ให้ลูกจ้างลาออกก่อนกำหนดตามระเบียบที่นายจ้างกำหนดเอาไว้
อดิศร
 


From: chutinthorn@maxtex.net
To: adisorn_pers@hotmail.com
Subject: เงินประกัน
Date: Fri, 30 Jul 2010 16:34:47 +0700

เรียน  อ.อดิศร

 

                        รบกวนเรียนสอบถามเรื่องการหักเงินประกันพนักงานค่ะ  กรณีที่เราทำสัญญาหักเงินประกันพนักงานไว้แล้วเราได้ระบุในสัญญาหักเงินประกันไว้ว่า จะคืนเงินประกันให้เมื่อพนักงานลาออกถูกต้องตามระเบียบเท่านั้น  คือต้องแจ้งออกล่วงหน้า 30 วัน  และไม่ทำทรัพย์สินบริษัทฯ เสียหาย

เรียนสอบถามมี  พนักงานลาออกโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า  ทางบริษัทฯไม่คืนเงิน  ไม่ทราบว่าผิดกฏหมายแรงงานหรือไม่อย่างไรค่ะ พนักงานได้เซ็นชื่อรับทราบเงื่อนไขในสัญญาหักเงินประกันค่ะ

รบกวนด้วยนะคะ

 

                                                                                                            ขอแสดงความนับถือ

                                                                                                                        ชุตินธร

 

 

ไม่มีความคิดเห็น: