xBR> SET:ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น,ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--รอยเตอร์
*ตลาดหุ้นสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจหนุนความเชื่อมั่นในการฟื้นตัว
ทางเศรษฐกิจ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากบริษัทซิสโก ซิสเทมส์ บ่งชี้ถึงการ
ดีดตัวของการใช้จ่าย ด้านเทคโนโลยี
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดเมื่อวานนี้ ลดลง 78
เซนต์ หรือ 0.97% มาที่ 79.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความวิตกต่ออุปสงค์น้ำมัน
ที่ชะลอตัวลง ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจยังคงระมัดระวัง แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ
ว่างงานครั้งแรกลดลงก็ตาม
*รัฐบาลเรียกเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ กลับพร้อมทบทวนความสัมพันธ์รวม
ถึงพันธกรณีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้รับรู้ถึงความไม่พอใจ
ของไทย ในกรณีที่กัมพูชา แต่งตั้ง"พ.ต.ท.ทักษิณ"เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และจะไม่
ส่งตัวพ.ต.ท.ทักษิณกลับไทย ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน หากมีการร้องขอ
*ผู้ว่าการธปท. เผยระดับเงินบาทยังแข่งขันทางการค้าได้ โดยธปท.จะดูแลเงินบาท
ให้เคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับสกุลเงินภูมิภาค ไม่ว่าจะไปในทิศทางที่แข็งขึ้นหรืออ่อนค่า
แต่ก็พร้อมเข้าดูแลทันทีหากผันผวนมากเกินไป จนกระทบภาคส่งออก
*ผู้ว่าการธปท.ระบุจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะใกล้นี้ หรืออย่างน้อย
ภายในสิ้นปีนี้ เพราะเศรษฐกิจไทยคงไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่มองว่าเศรษฐกิจ
โลกคงไม่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วภายใน 2 เดือนนี้ ขณะที่ยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ
และมองว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% เหมาะสมและเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
*นายกรัฐมนตรี เผย มูลค่าการลงทุนในส่วนของการก่อสร้าง ในช่วง 3 ปี ตามแผน
ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 55 มีสูงถึง 7 แสนลบ. และจะทำให้เกิด การจ้างงานได้
ถึง 1.5 ล้านอัตรา ขณะที่มองอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทย มีความพร้อมในการออก
ไปรับงาน ยังต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนด้านการเงิน และปรับปรุงกฎหมาย
เพื่อรองรับการออกไปลงทุน ของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในต่างประเทศ
*กทช.ระบุมีความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ออกไปอย่างน้อย 1 เดือน
จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในเดือนก.พ.53 หลังจะส่งเรื่องให้สำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความอำนาจของกทช.ในการออกใบอนุญาต 3G
*หนังสือพิมพ์เผย รัฐบาลกัมพูชาจะเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับ
เพื่อตอบโต้ไทย ขณะที่รมช.พาณิชย์ระบุกรณีการตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างไทย
-กัมพูชาจะกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทย ส่วนจะเรียกผู้อำนวยการส่งเสริมการค้า
ในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญกลับไทยหรือไม่ คาดว่ารมว.พาณิชย์จะหารือกับนายกฯวันนี้
*หนังสือพิมพ์เผย รมช.พาณิชย์ระบุมูลค่าการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ในปี 51 มีมูลค่า
ประมาณ 7.2 หมื่นลบ.ขยายตัว 51.7% จากปี 50
*หนังสือพิมพ์เผย บีโอไอมองปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่น่าจะกระทบต่อการลงทุนของ
นักธุรกิจไทยในกัมพูชา ชี้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการเมืองซึ่งต้องแยกออกจากภาคธุรกิจ
ซึ่งนโยบายการลงทุนยังเหมือนเดิม โดยกัมพูชามีกฎหมายส่งเสริมการลงทุนเมื่อวันที่ 5
ส.ค.37 และนับจนถึงมิ.ย.52 มีนักลงทุนตปท.ลงทุนในกัมพูชา 7.7 พันล้านดอลลาร์
ซึ่งไทยเข้าไปลงทุนเป็นอันดับ 7 มูลค่าลงทุน 284 ล้านดอลลาร์
*หนังสือพิมพ์เผย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ระบุที่ประชุม
คณะกรรมการบริหารเห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นต้น ปี 52/53 ที่ 950 บาท/ตัน เป็น
สถิติสูงสุดตั้งแต่มีระบบแบ่งปันผลประโยชน์ โดยจะเสนอ กอน.พิจารณาภายในเดือนพ.ย.
*หนังสือพิมพ์เผย รมช.คลังระบุการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร และศุลกากรใน
ต.ค. จัดเก็บได้เกินเป้าหมาย สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
*หนังสือพิมพ์เผย นายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งทะเลไทย ระบุเป็นข่าวดีที่ขณะนี้สหรัฐอเมริกากับ
อุตสาหกรรมกุ้งไทย ได้บรรลุข้อตกลงเรื่องการทำการประนีประนอม โดยผ่านวิธีซีซีอาร์
ในการที่จะยกเลิกการใช้มาตรการเอดี สินค้ากุ้งกับประเทศไทย
*หนังสือพิมพ์เผย รองประธานส.อ.ท.ระบุตัวแทนจากส.อ.ท.หารือกับรองนายกรัฐมนตรี
เพื่อแก้ปัญหามลพิษมาบตาพุดวานนี้ ได้ข้อยุติว่ารัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณ 4 พันลบ.
เพื่อแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน โดย สศช.จะรวบรวมแผนแก้ปัญหาทั้งหมด
*หนังสือพิมพ์เผย ผู้จัดงานคอมมาร์ตมองเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมีสภาพที่ดีขึ้น จึงตั้ง
เป้ายอดขายภายในงานเพิ่มขึ้นเป็น 4 พันลบ.จากเป้าเดิม 3.5 พันลบ.หากเป็นไปตาม
เป้าจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดไอทีในปีนี้โตได้ 6% จากเดิมคาดโต 4%
*หนังสือพิมพ์เผย ตลท.ยืนยันมาร์เก็ตแคปตลาดเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 56 หรือแตะ 12 ล้าน
ล้านบาท จากการเดินหน้าตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย เพิ่มจำนวนบริษัทเข้าจดทะเบียน
--จบ--
(โดย วิรัช บูรณกนกธนสาร เรียบเรียง--บร--)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น