เรื่องนี้สำคัญมากครับ เพราะกระกระทำดังกล่าวนี้ผิดกฎหมาย พรบ.เกี่ยวกับการเงินทั้งหมด หรือถึงแม้ในรายละเอียดบางอย่างเช่นการกู้ยืมกัน
โดยอัตราดอกเบี้ยอยู่ใมรกรอบของกฎหมายก็ตาม
ก็ยังก่อให้เกิดความเสียหายกับอง์กรและคนในองค์กรได้อยู่ดีครับ เงินทองไม่เข้าใครออกใครครับ พี่น้องยังมีปัญหาใหญ่โตกันได้เพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่ล่ะครับ
ไม่ว่าองค์กรใหญ่หรือเล็กแค่ไหน ก็ควรกำหนดเรื่องนี้เอาไว้เป็นข้อห้ามในข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานขององ์กร วิธีการก็ไม่ยากครับ
ผู้บริหารงานบุคคลสามารถร่างข้อบังคับที่เป็นข้อห้ามดังกล่าวนี้ เช่น ห้ามพนักงานกู้ยืมเงิน ซื้อขายหวย หรือเล่นแชร์กันภายในบริษัท และให้ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร
หรือผู้มีอำนาจลงนาม ลงนามในเอกสารนี้จากนั้นก็สำเนาเอกสารส่งไปให้สำนักงานสวัสดิการแลคุ้มครองแรงงานเขตุพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ภายใน 7 วัน ( มาตรา 110 )
แล้วก็ประกาศใช้บังคับได้เลยครับ ( บังคับทุกคนในองค์กรนะครับไม่ว่าผู้บังคับบัญชาระดับไหนนะครับ )
เมื่อมีประกาศบังคับใช้แล้ว สิ่งสำคัญต่อมาก็คือการบังคับใช้ให้เป็นผลครับ เพราะหากมีประกาศ แต่ไม่ได้ใช้บังคับอย่างจริงจัง ก็เท่ากับว่าไม่มีประกาศ
ก็จะไม่ได้ผลอะไรเลย จึงควรมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอด้วยครับ ถ้าพบแล้วก็ต้องรีบดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกับขยายผลให้มากที่สุดว่ามีใครอีกบ้าง
หรือมีใครอยู่เบื้องหลังบ้างหรือไม่ บางทีก็จะมีลักษณะของมาเฟียร์อยู่ได้นะครับ
ทีนี้เรื่องเรื่องจากก่อให้เกิดผลเสียหายต่อองค์กรมาก เราก็อาจจะออกเอกสารแนบท้ายประกาศเพิ่มเติมไปเพื่อให้เกิดความเด็ดขาดมากขึ้น
เช่น
เนื่องจากการปล่อยเงินกู้ ซื้อขายหวยใต้ดิน หรือการเล่นแชร์กันนั้น ก่อให้เกิดผลกระทบที่สร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อบริษัท
ทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้แรงงานและพนักงานทุกระดับ รวมทั้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พรบ.เกี่ยวกับการเงินหลายมาตรา ( ถ้ามีรายละเอียดเกี่ยวกับมาตราต่าง ๆ
ของพรบ. ก็ใส่ลงไปได้เลยครับ ) ทางบริษัทจึงเห็นสมควรกำหนดบทกำหนดโทษไว้ในระดับสูง โดย พนักงานที่กระทำความผิดฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานฉบับเพิ่มเติมข้างต้นนี้
ถ้ากระทำความผิดครั้งแรก ทางบริษัทจะพิจารณาโทษโดยการตักเตือนเป็นหนังสือพร้อมทั้งให้พักงานโดยไม่จ่ายค่าจ้างเป็นเวลา... วัน และหากพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำอีก
ภายในระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่ได้กระทำความผิดครั้งแรก บริษัทจะเลิกจ้างทันทีโดยไม่จ่ายค่าชดเชย เป็นต้น
ประเด็นเรื่องนี้มันจะมีความยากอยู่ประการหนึ่งครับ เพราะโดยลักษณะของพฤติการณ์เหล่านี้มักจะมีการสมยอมกันเกือบ 100% เพราะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่แล้ว
ถึงจะมีข้อบังคับไว้พนักงานก็อาจแอบกระทำกันได้ โดยที่เราไม่รู้ จนกว่าจะมีผู้เดือดร้อนแล้วมาร้องเรียน หรือเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว
เช่นพนักงานหนีหนี้ไปแล้ว เราต้องสูญเสียคนโดยไม่จำเป็นไปแล้ว เช่นกัน องค์กรก็เกิดความเสียหายตามมาครับ
วิธีการในการป้องกันแก้ไขเรื่องนี้จึงควรมีกระบวนการพิเศษเพิ่มเติมเข้ามาสักนิดครับ โดย
1. เมื่อออกประกาศมาแล้ว ก็ควรเรียกพนักงานทุกคนมาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ ถึงผลเสียข้อกฎหมายต่าง ๆ และเปิดโอกาสให้มีช่องทางร้องทุกข์ร้องเรียนได้ด้วย
2. เราควรจะมีตู้รับความคิดเห็น ร้องทุกข์ ร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะจากพนักงาน วางไว้ในที่ ๆ พนักงานสามารถมาหย่อนเอกสารได้โดยควรอยู่ในที่ ๆ ไม่ค่อยมีคนเพ่นพ่านมากนัก
เพราะบางทีเค้าก็ต้องแอบมาให้ข้อมูลนะครับ
3. ควรจะมีที่ปรึกษาแรงงานเอาไว้ประจำด้วยนะครับ โดยเลือกมาจากพนักงานที่ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชา ที่ปรึกษาแรงงานนี้ควรมีคุณสมบัติที่คนในองค์กรไว้ใจได้สักหน่อย
มีมนุษยสัมพันธ์ดี รู้จักคนมาก ส่วนมากเราจะได้มาจากพนักงานเก่า ๆ แก่ ๆ ที่ทำงานมานานแล้วครับ พนักงานที่ปรึกษานี้ควรได้รับการอบรมเรื่องจิตวิทยาการให้คำปรึกษา
( ลองติดต่อหาวิทยากรไปที่สำนักงานสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลก็ได้ครับ ) ที่ปรึกษาแรงงานนี้จะมีประโยชน์มาก หลาย ๆ เรื่องเค้าจะแก้ปัญหาให้เราได้เลย หรือปัญหาบางอย่าง
ที่อาจอยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจของเค้า เราก็จะได้ข้อมูลจากที่ปรึกษานี้มาทำการป้องกันแก้ไขได้เร็วครับ เพราะพนักงานบางคนก็อาจจะกลัวหรือเกรงใจผู้บังคับบัญชา
ไม่กล้าที่จะเข้ามาขอคำปรึกษาปัญหาต่าง ๆสักเท่าไร แต่ถ้ากับเพื่อน ๆ ด้วยกันเองเค้าก็จะเข้าหาพูดคุยได้ง่ายกว่าครับ
ปรึกษาได้ทุกเรื่องนะครับ ไม่ว่าปัญหาหนี้สิน ปัญหาเรื่องงาน ปัญหายาเสพติด ปัญหาชู้สาว ปัญหาครอบครัว พ่อ แม่ พี่น้อง ลูก มาขอคำปรึกษาได้ทั้งหมดครับ
4. หาสายสืบหรือสายลับเอาไว้ใช้ก็ยิ่งดีครับ ผมเองมีใช้อยู่หลายคนครับ แล้วเค้าก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้ด้วย ( อย่างลับ ๆ )
มันจะทำให้ทราบปัญหาต่าง ๆ ได้ลึกมากขึ้น รวดเร็วขึ้น สายลับของเรานี้ จะไม่เป็นที่เปิดเผย ไม่มีการแต่งตั้งอะไรทั้งสิ้น
เลือกมาจากคนที่เราไว้ใจได้ และเค้าชอบความเที่ยงธรรม เค้ารักองค์กร เห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ทุกองค์กรจะมีคนประเภทนี้อยู่ครับ ลองค้นหาดูดี ๆ ก็จะเจอเองถึงจะมีน้อย
แต่ก็มีครับ เค้าจะทำหน้าที่เค้าสังเกตุความผิดปกติต่าง ๆ หรือไปพบการลักลอบกระทำความผิด การลักลอบเสพหรือซื้อขายยาเสพติด
เค้าก็จะมารายงานเราเป็นการส่วนตัวอย่างลับ ๆ แล้วเราจะได้ข้อมูลมาแก้ไขได้เร็ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไปครับ
5. ลองสร้างกองทุนเพื่อเพื่อนพนักงานดูครับ ไม่ต้องใหญ่โตอะไรมากก่อนก็ได้ ให้พนักงานส่งเงินออมมาฝากบัญชีธนาคารเอาไว้เป็นเงินกองกลาง เพื่อเอาไว้ช่วยเหลือพนักงานที่เดือดร้อน
เพราะความจำเป็นจริง ๆ หรือจะตั้งเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์จดทะเบียนตามกฎหมายไว้เลยก็ยิ่งดีครับ ผมมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครับ ช่วยเหลือพนักงานได้มากทีเดียว
ทำมาได้ 4 - 5 ปีตอนนี้มีเงินกองทุนอยู่ ยี่สิบกว่าล้านแล้วครับ พนักงานทุกคนที่เป็นสมาชิกก็จะเป็นเจ้าของเอง บริษัทไม่เกี่ยวนะครับ บริษัทจะมาเอาเงินสหกรณ์ไปใช้ก็ไม่ได้
พนักงานที่มาช่วยทำงานสหกรณ์นี้ก็จะมีพนักงานหลักที่บริษัทว่าจ้างมาโดยตรงเลย 1 คน ที่เหลือก็จะเป็นพนักงานต่าง ๆ มาช่วยกันบริหาร พอสหกรณ์มีรายได้เพียงพอ ก็จ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้ด้วย นอกจากนี้อาจทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงในบริษัทก็ได้ครับ ผมทำทั้งเลี้ยงปลา ปลูกผักสวนครัว โดยเปิดโอกาสและจัดสรรค์เวลาให้พนักงานหมุนเวียนมาทำงานกันเอง เราดูแลเรื่องงบประมาณลงทุนเบื้องต้นให้ ซึ่งก็ไม่มากมายอะไรครับ ผลผลิตที่ได้ก็จำหน่ายพนักงานในราคาถูกกว่าท้องตลาด รายได้ที่ได้มาก็เอาเข้าบัญชี
กองทุนเศรษฐกิจพอเพียงไว้ช่วยเหลือพนักงานด้วยกันเองครับ นอกจากจะสามารถบรรเทาปัญหาเรื่องหนี้สินแล้ว ก็ยังทำให้พนักงานมีความรู้สึกรักองค์กรด้วยครับ เป็นการสอนเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้พนักงานนำไปใช้ในการดำรงชีวิตที่บ้านเค้าเองไปในตัวอีกด้วย ยังมีที่ทำได้อีกหลายเรื่องครับ เช่นการสร้างศูนย์ฝึกอาชีพขึ้นในโรงงาน
พนักงานที่สนใจงานประเภทต่าง ๆ เช่นงานช่างเชื่อม งานปูน ก็มาฝึกได้ โดยแบ่งเวลาให้ดีครับ พนักงานก็จะมีอาชีพติดตัว ไว้เป็นงานเสริมได้อีกทางหนึ่ง อย่างตอนนี้ที่ผมได้ฝึกพนักงานจบ ป6.
มาเชื่อมถังหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ประเภทพลาสติคได้เป็นผลสำเร็จ พนักงานคนหนึ่งสามารถไปเปิดร้านรับซ่อมที่หมู่บ้านเค้าได้ และนอกจากนี้ก็ทำให้งานในฝ่ายวิศวกรรมของโรงงาน
ลดภาระงานไปได้มากครับ เพราะงานพลาสติคทั้งหมดตอนนี้ พนักงานช่างระดับ ปวส. ก็ไม่ต้องทำงานนี้แล้วครับ ไปทำงานอย่างอื่นแทน งานนี้ก็ให้พนักงานในศูนย์นี้เป็นคนทำได้เลย
พนักงานที่มาฝึกแล้วทำงานได้ดี เราก็เลื่อนตำแหน่งเค้าจากพนักงานรายวันมาเป็นรายเดือน สร้างขวัญกำลังให้คนอีกหลายคนได้อีกเยอะมากครับ องค์กรลงทุนไปคุ้มค่า เพราะพนักงานมีความสุข
มีขวัญกำลังใจที่ดี รักองค์กร ปัญหาก็น้อยมาก เพราะคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง ประสิทธิภาพคนงานก็จะสูง อัตราการลาออกน้อย การหยุดงานขาดงานลางานก็น้อย เพราะพนักงานอยากมาโรงงาน
แม้กระทั่่งการฝึกอาชีพทำขนม ปลายปีที่แล้วมีพนักงานเขียนหย่อนตู้รับความคิดเห็นว่า เค้าอยากมีอาชีพเสริมทำขนมขายในหมู่บ้าน
( คนงานที่นี่ยากจนเยอะครับ ปัญหาหนี้สินจากการกู้ยืมนอกระบบก็มากมาย แม้กระทั่งเคยมีเจ้าหนี้มาหาผมถึงห้องทำงานเลย บอกให้ช่วยตามหนี้พนักงานให้ก็มี ผมเลยเอาข้อกฎหมายมาย้อนกลับ เค้าก็เลยหยุดตาม แต่ผมก็เสี่ยงนะครับ ไปขัดผลประโยชน์เค้า แต่เราก็ต้องปกป้องคนของเราไว้ก่อน แล้วค่อยไปหาวิธีให้เค้าชดใช้หนี้ให้ได้ ก็ขอเอาเงินกองทุนสวัสดิการนี่ล่ะครับไปช่วยก่อน)
เรื่องนี้ HR. ควรคิดสร้างสรรค์ทำให้คนในองค์กรจะมีประโยชน์มากทั้งตัวเราเองด้วย พนักงานด้วยและองค์กรก็จะได้รับผลที่คุ้มค่ามากครับ
ผมขอเล่าประสบการณ์ ณ ปัจจุบันนี้สด ๆ ร้อน ๆ มาให้ลองคิอลองศึกษาดูนะครับ เผื้อจะนำไปประยุกต์ได้หลาย ๆ เรื่อง
คือตอนนี้ผมก็กำลังทำโครงการสอนอาชีพทำขนมอยู่ครับ วิธีการคือผมลงทุนฝึกทำเองเลย เอาสูตรมาจาก internet นี้ล่ะครับ แล้วพอดีมีเพื่อนที่เค้ามีกิจการขายอุปกรณ์เบเกอรี่พอดี
ที่ให้คำแนะนำปัญหาต่าง ๆ ได้ดี
ถ้าเราจะสอนพนักงานได้ให้เค้ามีอาชีพได้จริง เราก็ต้องรู้จริง รู้ลึกครับ ตอนแรกจะหาอาจารย์มาสอนก็หาไม่ได้เพราะเค้าไม่ว่างมาสอนที่โรงงาน
และคนสอนก็อาจไม่รู้วิถีชีวิตหรือความเป็นอยู่ของพนักงานเหมือนเรา
ผมก็เลยตัดสินใจลงมือเองเลย เพราะพอดีว่าภรรยาไปหัดทำขนมปุยฝ้ายกับพี่สาวมาลองทำกินเล่น ๆ ที่บ้าน ก็เลยได้อกาสครับ ผมลองทำมาสี่เดือนพอดี ๆ แล้ว และตอนนี้ผมทำขนมปุยฝ้ายเป็นแล้วครับ ทั้งสวย ทั้งอร่อย แรก ๆ ทิ้งไปเยอะมากครับ เรียกว่าทำขายเป็นเทน้ำเทท่าจริง ๆ เพราะทิ้งหมดเลย ใช้ไม่ได้
ทำปุยฝ้ายแต่ออกมาเป็นขนมเข่งก็มี ซาลาเปาก็มี ตอนนี้ทำได้แล้วและก็ลองทำตลาดเองด้วยครับ ตอนนี้เลิกงานกลับบ้านมาก็ไม่ต้องไปเที่ยวเตร่ที่ไหนให้ไร้สาระเปลืองเงินเปล่า ๆ
เอาเวลาว่าง ๆ นี้มาทำขนมเลย ใช้เวลาก็ไม่มากครับ สามสี่ทุ่มก็เสร็จ หรือบางวันถ้ามียอดสั่งมากหน่อยก็เที่ยงคืนตีหนึ่งเหมือนกัน ตอนเช้าก็ตื่นแต่ตีห้า เอาขนมไปฝากวางขายตามร้านต่าง ๆ
ตอนแรกมีร้านเดียว ตอนนี้มีสิบกว่าร้านแล้ว ไม่เกิน 7 โมงเช้าก็เสร็จ ออกมาทำงานต่อได้ โดยมาทำงานเช้ากว่าเดิมเสียอีก ก็ไม่เลวเลยครับ แล้วยังมีงานเข้าพิเศษมาอีกนะ เพราะมีคนสั่งทำของว่างตอนสัมมนาด้วย แต่เล่นเอาผมไม่ได้นอนทั้งคืนเลยครับ ดีว่าเป็นวันเสาร์พอดี
ทำได้ทั้งคืน เพราะเค้าสั่งมา 200 ลูกบ้าง 400 ลูกบ้าง ล่าสุด 800 ลูกเลยครับ ใช้ขนมตอนเช้าวันอาทิตย์งานสัมมนาของโรงพยาบาล พอดีก็ฟลุ็คครับ เพราะคนที่สั่งเป็นพยาบาลอยู่ข้างบ้านผมเอง เค้าเคยมาซื้อไปกิน แล้วบอกว่าอร่ิอยดี ราคาไม่แพง เพราะผมขายก็ไม่ได้หวังกำไรอะไรมาก สี่ลูกสิบบาทเองครับ เอาแบบพอเพียงก็พอ คนซื้อจะได้ซื้อง่าย
ทำไปทำมาเพลินเลยครับ ชอบเลย สนุกมาก ที่จริงผมทำกับข้าวไม่เป็นสักอย่าง แม้กระทั้่งไข่เจียวง่าย ๆ ผมยังทำไม่ได้เลยครับ ทำเป็นแต่ไข่ดาวกับมาม่า
แต่มาทำขนมได้นี่ก็แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ไม่คิดว่ามันจะสนุกได้ แล้วก็ไม่คิดเลยว่ามันจะสร้างอาชีพเสริมให้ได้ขนาดนี้ รายได้เสริมตอนนี้ คาดว่าเดือนนี้คงไม่ต่ำกว่า 10000 ครับ
ผมได้วันละ 300 - 500 บาท และยังมีแม่ค้าสนใจจะสั่งอีกเจ้าใหญ่เลยครับ เพิ่งติดต่อมาเมื่อวานนี้เอง แต่ยังทำให้ไม่ได้ ถ้าจะทำก็คงต้องจ้างลูกจ้างสักสองคนมาช่วย และลงทุนหม้อนึ่งกับเตาแก๊สอีกเตา กำลังคิดอยุ่ครับ เพราะเค้าจะสั่งเยอะมาก ผมทำให้ไม่ทัน
ตอนนี้ก็พร้อมที่จะสอนพนักงานทุกประเด็นแล้ว ตั้งแต่การซื้อวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ว่าอันไหนซื้อร้านไหนที่ถูกที่สุด เพราะของแต่ละอย่างแต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน ต้องแยกซื้อถึงจะได้ต้นทุนถูกที่สุด การผลิตมีเทคนิคต่าง ๆ มากมายครับ เจ้าขนมปุยฝ้ายยากพอสมควร ต้องใช้ทั้งวิชาเคมี ฟิสิกและชีว มาผสมกันให้ลงตัว จึงจะออกมาสวย และรสชาดดี ซึ่งตอนเป็นนักเรียนผมก็เรียนอ่อนทั้งสามวิชานี่ล่ะครับ แต่ตอนนี้ก็มีคำอธิบายเหตุผลแต่ละเรื่องชัดเจนพร้อมสอนแล้วครับ ผมทำไปก็คิดหาเหตุผลไป เดาบ้าง หาความรู้จากที่ต่าง ๆ มาประกอบบ้าง
เรื่องการตลาดก็รู้วิธีการวางขาย การแบ่งเปอร์เซ็นต์ การกำหนดจำนวนและชนิดให้แต่ละร้านตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เพราะปุยฝ้ายเป็นขนมมงคลที่ผู้ซื้อบางส่วน
นิยมซื้อไว้ใส่บาตรตอนเช้า อันนี้ก็เพิ่งมารู้ตอนที่เริ่มทำขาย ไม่รู้มาก่อนเลยครับ ทำให้บางร้านที่ไปวาง ขายไม่ได้เลยก็มี เพราะผมพัฒนาขนมมาสองสามสูตร แตกต่างกันไป คือผมชอบอะไรก็ดัดแปลงออกมาตามที่ชอบ
ส่วนผู้ซื้ออีกส่วนนึ่งก็ซื้อไปกินกับน้ำชากาแฟตอนเช้า อีกส่วนหนึ่งก็เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ชอบกินขนม พฤติกรรมของผู้บริโภคแต่ละร้านในแต่ละแหล่งก็เลยไม่เหมือนกัน
เวลาเราไปวางขายก็ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงด้วยจึงจะขายได้หมด ปุยฝ้ายมีข้อจำกัดทางชีววิทยาว่ามันมีอายุการเก็บสั้นแค่สามวันเท่านั้น เกินจากนั้นราจะขึ้น และผมไม่ใส่สารกันบูดด้วยครับ
ถ้าจะขาดทุนก็มีอยู่เรื่องเดียวคือขายไม่ได้และต้องเก็บคืนนี่ล่ะครับ ถ้าขายได้ยังไง ๆ ก็กำไร อย่างน้อย 30 % ช่วงแรก ๆ ผมทำขายได้ดีมีกำไร มีอยู่ช่วงนึงขาดทุนเพราะไปวางผิดที่ผิดทาง
ลูกค้าเค้าเลยไม่สนใจ คือหลังจากที่ผมทำสูตรมาตรฐานได้สำเร็จแล้วก็เลยคิดทำสูตรอื่น ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า ผมชอบกินกาแฟ ก็ทำสูตรรสกาแฟขาย 4 ลูก 15 บาท ชอบกินช็อคกาแล็ต ผมก็ทำสูตรช็อคกาแล็ต ราดท็อปปิ้งชอคกาแล็ตแบบทำเองด้วยนะครับ 4 ลูก 15 ชอบมะพร้าวอ่อนก็ทำสูตรทะพร้องน้ำหอมวางท็อปปิ้งเนื้อมะพร้าวอ่อน 4 ลูก 20 เพราะอายุมันแค่วันเดียวเท่านั้นและมะพร้าวก็แพงมาก บูดก็ง่าย เลยต้องคิดแพงหน่อย สูตรกล้วยหอมอันนี้มีเพื่อนอยากจะกินก็เลยลองทำให้ แล้วที่เหลือลองไปวางขายดูปรากฎว่าขายดีอีก 4 ลูก 15 ไม่แพงเลยครับ รสชาดคล้ายกับเค็กกล้วยหอม แต่มีความนุ่มนวล กลมกล่อมและหอมกว่า สูตรนี้มีลูกค้ามาถามหากันเลยครับ ฟลุ็คอีกเหมือนกัน สูตรใบเตยอันนี้ลูกน้องที่ทำงานทีบ้านเค้ามีใบเตยหอมขึ้นตามธรรมชาติอยู่เยอะ
เค้าเลยเก็บมาฝากให้ลองทำดู ก็ทำออกมาได้เหมือนกัน 4 ลูก 10บาท ก็พอครับ ไม่ได้ลงทุนอะไรมาก สูตรนมสด สูตรกะทิ ล่าสุดเมื่อคืนนี้เองครับ ภรรยาชอบกินน้ำหวานเฮลบลูบอยรสสละ
ก็เลยบอกให้ผมลองทำดู ก็ทำออกมาได้สวยหอมอร่อย วางท้อปปิ้งเยลลี้ผลไม้แถมให้อีกต่างหาก เพิ่งไปลองวางขายเมื่อเช้านี้เองครับ รู้ผลเย็นนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สูตรพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้ต้องรู้จักวางให้ถูกที่ครับ วางผิดจะขายไม่ได้เลย
ทั้งหมดนี้ผมก็กำลังเตรียมนัดพนักงานที่ต้องการเรียน บ้านยากจนและมีความประพฤติดีมาเรียนเร็ว ๆ นี้ล่ะครับ จะได้มีอาชีพเสริมที่ทำได้จริง ไม่รบกวนเวลาทำงาน มีรายได้ที่มากกว่ารายได้ค่าจ้างขั้นต่ำเสียด้วยซ้ำ และผมก็ไม่กลัวว่าเค้าจะลาออกไปทำขนมขายหรอกครับ หรือถ้าเค้าสามารถทำได้อย่างมั้นคงแล้วจะลาออกไปทำจริง ๆ จัง ๆ เลยก็ยิ่งดีที่บริษัทได้สร้างอาชีพให้คนยากจนได้สำเร็จ ผมกลับที่ย้อนกลับมาก็ยิ่งคุ้มค่าครับ
ตอนนี้กำลังวางแผนไปวางตามร้านระดับไฮโซอยู่ครับ เป็นประเถทร้านกาแฟสดหรือร้านไอสครีม เพราะสามารถทำราคาได้ถึงลูกละ 10 บาทสบาย ๆ แค่ทำไซด์ใหญ่ขึ้นมาสักนิด pack ใส่กล่องสวยงาม pack ละสองลูก ไม่ต้องทำมาก ร้านละ 4 pack ต่อวันก็พอแล้ว รายได้ไม่เลวเลยครับ ทีนี้ถ้าผมทำไม่ทัน พนักงานที่ผมสอนเอาไว้นั่นละครับ ที่ผมสามารถสั่งเค้าทำมาส่งผมได้เหมือนกัน
ที่เล่าประสบการณ์มาทั้งหมดนี้ ก็เพราะผมเองก็ไม่ใช่นักวิชาการนะครับ ถนัดสอนหรือแนะนำคนอื่นด้วยประสบการณ์จริงซะมากกว่า ง่ายดีครับ
ปัญหาที่คุณถามมาและขอคำแนะนำว่าควรจะทำอย่างไรด๊ ก็คงอยู่ในเนื้อหาข้างต้นนี้ล่ะครับ ต้นตอของปัญหาเรื่องนี้คือการเป็นหนี้สินของพนักงานที่มีผลมาจากทั้งภาวะเศรษฐกิจ
และอุปนิสัยในการบริโภคของคนเราผสมโรงกันเข้าไป คนที่ไม่มีวินัยในการใช้เงินก็เดือดร้อนมากหน่อยครับ จะแก้ปัญหาที่ต้นตอได้ ก็ต้องมาสอนคนของเราเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
เรื่องการรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยหาอาชีพเสริมง่าย ๆ ลงทุนไม่มากทำกัน และถ้าคิดจะทำต้องอดทน ต้องตั้งใจ เจอปัญหาอย่าถอยแต่ต้องคิดหาเหตุผลหรือสาเหตุว่าเพราะอะไร
แล้วก็ง่ายครับที่จะแก้ไข ต้องศึกษาหาความรู้และทักษะให้ลึกซึ่ง แล้วจึงพัฒนาต่อยอดให้ได้เรื่อย ๆ
เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา ครับ
ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในกรณีนี้ ควรเอาปัญหาเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการสวัสดิการของสถานประกอบการครับ เพื่อจะได้ช่วยกันดูว่าสถานะปัจจุบันนี้พนักงานที่เข้าสู่วงการนี้มีอยู่เท่าไหร่ ได้รับผลกระทบอะไรบ้าง แล้วหาทางแก้ไขในเบื้องต้นนี้ไปก่อน เช่นหากมีพนักงานเจ้าหนี้อยู่และปล่อยกู้ในอัตราเกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายบังคับให้เค้าล้างหนี้ให้เหลือเฉพาะที่อยู่ในกรอบของกฎหมายเท่านั้น เราใช้อำนาจบังคับได้เลยครับ แล้วก็ออกระเบียบที่เป็นข้อห้ามตามที่กล่าวข้างต้นมาบังคับใช้ให้เรียบร้อย ต่อไปจะได้ไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของคนอื่นอีก
นอกจากเรื่องเงินกู้ ขายหวย เล่นแชร์ แล้ว ก็ยังมีภัยมืดอีกเรื่องนึงที่ต้องระวังและควรให้ความรู้พนักงานหรืออาจจะออกมาเป็นข้อบังคับก็ได้
เรื่องนี้คือการทำธุรกิจขายตรงครับ ปัจจุบันนี้มามากมายจริง ๆ ใน email ก็คงจะเห็นนะครับ ผมก็ต้องลบพวกนี้ทิ้งทุกวัน
เราต้องให้ความรู้ว่านี่คือการแอบแฝงระบบแชร์ลูกโซ่เข้ามานะครับ พวกนี้พอเข้ามาแล้ว ผลก็คือพนักงานที่เข้าสู่วงการขายตรงแอบแฝงนี้จะขาดสมาธิในการทำงาน
เพราะแต่ละวันเค้าจะถูกล้างสมองให้ออกหาเหยื่อมาร่วมทำธุรกิจ โดยอาศัยแรงจูงใจจากรายได้มหาศาลที่เข้ามา ซึ่งในโลกความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ครับ
อาจจะทำได้แค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่ผลก้คือพนักงานจะถูกชักจูงให้เอาเงินไปลงทุน เช่นซื้ออาหารเสริม หรือเครื่องสำอางค์ อาหารลดความอ้วน อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
ในราคาที่สูงเกินจริง เค้าก็เอาเงินที่เราซื้อหรือสมัครสมาชิกนี้ไปจ่ายให้คนอื่น แล้วก็เช่นกัน รายได้ที่เราหาสมาชิกมาได้ เค้าก็เอารายได้ส่วนหนึ่งในนั้นมาจ่ายค่าตอบแทนจำนวน
มากให้เรา สุดท้ายเงินหมุนเวียนในระบบก็หยุด โซ่ขาด แล้วก็จะเดือดร้อนเป็นหนี้สินกันถ้วนหน้า คนรวยก็คือคนที่อยู่บนยอดสุดของพีรามิดไม่กี่คนเท่านั้นครับ
เราต้องสอนคนของเราให้รู้เท่าทัน อย่าไปหลงเชื่อ แรก ๆ เค้าจะขาดสมาธิ จากนั้นเค้าจะเริ่มหาเหยื่อภายในบริษัท ซึ่งอาจจะเอาเวลางานไปทำงานส่วนตัว และเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ที่นายจ้างเลิกจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย แต่ถ้าเราตรวจไม่พบ หรือพบแต่ไม่รู้เท่าทัน พนักงานหลาย ๆ คนก็จะไม่มีสมาธิในการทำงาน บางคนก็ต้องเป็นหนี้เป็นสินเพราะศักยภาพตัวเองไม่มีความสามารถที่จะทำได้จริง แต่ถูกชักจูงให้ไปทำ ธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่ไร้ศีลธรรมครับ เค้าจะไม่สนใจว่าพื้นฐานของเหยื่อเป็นอะไร มีศักยภาพพอหรือไม่ จะทำได้หรือไม่
เค้าสนใจเพียงว่าเค้าต้องหาสมาชิกเข้ามาให้มากที่สุดแล้วเค้าจะรวย ถ้าเราสกัดไม่ทัน วงจรนี้ก็จะเข้ามาแพร่ระบาดเหมือนยาเสพติดครับ แล้วองค์กรก็จะมีปัญหาทันที
ประสบการณ์จริงผมก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่ล่ะครับ มีสายรายงานมาว่ามีการทำธุรกิจขายตรงกันภายใน และมีพนักงารเดือดร้อนต้องขาดงานจนพ้นสภาพและหนีหนี้ไปแล้ว
พนักงานเจ้าหนี้ที่ให้ยืมเงินไปโดยไม่คิดดอกเบี้ยก็เดือดร้อนเพราะยืมไปหลายหมื่นครับ ผมสืบต่อจนรู้ว่าเป็นบริษัทอะไร และได้ทำเรื่องร้องเรียนไปที่ สคบ. พร้อมหลักฐานคลิปที่แอบถ่ายไว้ตอนที่เค้าจัดสัมมนาเชิญชวนเหยื่อไปร่วมลงทุนแล้ว ขณะเดียวกันภายในองค์กรเองเนื่องจากยังไม่มีระเบียบข้อห้ามไว้ ก็ทำประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ชัดเจนว่า ธุรกิจขายตรงจริง ๆ คืออะไร
กับธุรกิจขายตรงแอบแฝงแชร์ลูกโซ่คืออะไร ให้พนักงานได้มีความรู้อย่างถูกต้องจะได้ไม่หลงเป็นเหยือ นอกจากนี้ก็ให้ทางสภาอุตสาหรรมจังหวัดซึ่งผมเองก้เป็นเลขาธิการอยู่ด้วย ทำหนังสือ
เวียนชี้แจงและคำเตือนไปยังทุกสถานประกอบการในจังหวัดให้ระมัดระวังครับ เพราะเดือดร้อนกันหลายแห่ง ลูกจ้างหนีงานไปทำธุรกิจก็มี หนีหนี้ไปก็มี งานของบริษัทเสียหายเพราะพนักงานหลงลืมก็เยอะ แม้กระทั่งลูกน้องผมเองก็ทำให้งานผมเสียหายครับ แค่ส่งจดหมายสำคัญไปสถานราชการง่าย ๆ ยังลืมเลยครับ ผมต้องทำหนังสือชี้แจงเข้าไปใหม่ เสียเวลาเสียชื่อเสียงมากครับ
อดิศร
Date: Sat, 23 Apr 2011 08:53:53 +0700
Subject: Re: [SIAMHRM.COM :34264] ปรึกษา
From: suranut93@gmail.com
To: adisorn_pers@hotmail.com
สวัสดีค่ะคุณอดิศร
อยากทราบค่ะว่าองค์กรที่เขามีขนาดใหญ่และมีพนักงานหลายหมื่นคนเขามองประเด็นปัญหานี้กันว่าเป็นเรื่องที่ควรแก้ไขหรือไม่คะ บางครั้งมีความรู้สึกเหมือนทุกองค์กรจะเจอปัญหาแบบนี้แทบทั้งนั้นที่องค์กรของดิฉันเป็นองค์กรขนาดพนักงานประมาณ 300 คน มีทุกอย่างที่กล่าวมา และดิฉันเข้ามาทำงานแล้วพบเห็นรู้สึกได้ทันทีเลยนะคะว่า ที่นี่เขายอมรับกันได้ขนาดนี้เลยหรือนี เดินเข้าไปในสายการผลิตก็จะได้ยินแต่พนักงานบ่นว่าเงินไม่พอใช้ออกมาก็ใช้หนี้เขาหมด ทำเท่าไรก็ไม่เหลือ เขายึดบัตร เอทีเอ็ม กันเลยนะคะ ปัญหาที่เกิดมายาวนานขนาดนี้ เราควรจะแก้ไขหรือเริ่มต้นอย่างไรดีคะ ดิฉันเป็นคนใหม่ที่องค์กรใหม่บางครั้งก็รู้สึกกล้าๆกลัวค่ะ กลัวว่าเขาจะไม่ยอมรับแนวความคิดของเราหรือไม่ แต่ละเดือนมีพนักงานออกโดยไม่ร่ำลากันเลยทุกเดือน ในความคิดของดิฉันก็หนีหนี้ละคะ
รบกวบขอความคิดเห็นและคำแนะนำค่ะ
เมื่อ 23 เมษายน 2554, 8:30, adisorn klinpikul <adisorn_pers@hotmail.com> เขียนว่า:
สวัสดีครับ อดิศร ครับ
คนที่เล่นอยู่ในตอนนี้ขอให้เรียกมาเคลียร์กันให้จบครับ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร
อธิบายให้พนักงานเจ้าใว่า มันผิดกฎหมาย และทำความเสียหายให้แก่องค์กรตลอดจนพนักงานแต่ละคนที่เข้ามามีส่วนในการกะทำดังกล่าวนี้
และควรออกระเบียบเรื่องเหล่านี้เป็นข้อห้ามไว้ในข้อบังบคับเกี่ยวกับการทำงานไปเลยครับ
อดิศร
Date: Fri, 22 Apr 2011 13:24:33 +0700Subject: [SIAMHRM.COM :34264] ปรึกษาFrom: suranut93@gmail.com
To: Siamhrm@googlegroups.com
มีสถานประกอบใดบ้างคะที่มีพนักงานปล่อยเงินกู้เล่นแชร์ขายหวยในโรงงาน แล้วจะมีวิธีการจัดการกับพนักงานอย่างไรคะ
--
- โปรดร่วมกัน เสวนา ถาม-ตอบ วันละ 1 กระทู้ สร้างความรู้ใหม่ได้ มหาศาล -
แนะนำ :
http://www.facebook.com/JobSiam ** กด ถูกใจ เป็น Fan Page ของเรานะค่ะ **
http:// www.JobSiam.com : โปรโมชั่น*! ลงประกาศตำแหน่งงาน ลด30% ถึง 30 เมษายน 2554 นี้
http://www.SiamHRM.com : สยามเอชอาร์เอ็ม ดอทคอม รวมพลคนทำงาน มากที่สุด
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม "บริหารทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทย"
- หากต้องการโพสต์ ถึงกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ siamhrm@googlegroups.com
- หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิกกลุ่ม ส่งอีเมลไปที่ siamhrm+unsubscribe@googlegroups.com (ยืนยัน การยกเลิกใน Email อีกครั้ง.)
- หากต้องการดูกระทู้ หัวข้อ HR โปรดไปที่กลุ่มนี้โดยคลิกที่ http://groups.google.co.th/group/siamhrm?hl=th&pli=1
- เนื่องจากสมาชิกมีจำนวนมาก สมาชิกทุกท่าน ควรอ่านกติกา มารยาท และใช้เมล์กรุ๊ปร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น