วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

[SIAMHRM.COM :21303] ฟองสบู่ดูไบพ่นพิษ NWR-BAY

 

 

 

 

ฟองสบู่ดูไบพ่นพิษ NWR-BAY

 

         ดูไบ เวิลด์ฯ พ่นพิษหุ้นทั่วโลก แถมทำราคาสินค้าโภคภัณณ์ทรุด นักลงทุนหวั่น
ผลกระทบเป็นโดมิโน ส่วน'กรณ์' เชื่อฟองสบู่ดูไบไม่กระทบเอเชียและไทย ด้านผู้
บริหาร BAY ยอมรับมีเม็ดเงินลงทุนในดูไบเพียงเล็กน้อย ส่วน KBANK ระบุแบงก์ไม่
มีปล่อยเงินกู้ให้ดูไบ กูรูชี้ดัชนีฯมีสิทธิ์ร่วง 5% ในช่วง 1-2 เดือน พร้อมหั่นเป้าหมาย
NWR เสี่ยงมากสุดในกลุ่มรับเหมาฯ และขอประเมินผลกระทบ BAY
    โดนห่างเลขกันเป็นแถวสำหรับตลาดหุ้นทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทย หลัง
จากที่รัฐบาลดูไบแจ้งว่า Dubai World ซึ่งเป็นของรัฐบาล ขอเลื่อนการชำระหนี้ 3.5
พันล้านเหรียญสหรัฐ (จากหนี้รวมทั้งหมด 5.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ที่จะครบ
กำหนดชำระเดือน ธ.ค. นี้ ออกไปเป็นเดือน พ.ค. ปีหน้าเป็นอย่างน้อย ทำให้
Moody's และ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Dubai World เป็น junk ทันที
และลดอันดับเครดิตบริษัทอีก 6 แห่งของรัฐบาล
      นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเด็นข่าวดังกล่าวกระทบจิตวิทยาการลงทุนทั่วโลก เพราะ
ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับ Credit risk ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดวิกฤต Lehman
กลับมาใหม่ CDS ของดูไบพุ่งขึ้นทันที 200 bps และหากความวิตกลุกลาม จะส่งผล
ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมสูง แบงก์ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นกดดันกำไร ความกลัวในสินทรัพย์
เสี่ยงเพิ่มขึ้น ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าซึ่งเป็นผลลบกับตลาดหุ้นและโภคภัณฑ์ใน
ตลาดต่างประเทศเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
     ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีฯปิดที่ 680.37 จุด ลดลง 5.36 จุด
หรือ 0.78% มูลค่าการซื้อขาย 18,767.30 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ
205.23 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 213.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลัก
ทรัพย์ ขายสุทธิ 825.75 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,244.91 ล้านบาท

 

****'กรณ์' เชื่อฟองสบู่ดูไบไม่กระทบเอเชีย
      นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัญหาฟองสบู่
ในดูไบไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศในเอเชียรวมทั้งไทย ซึ่งปัญหาของดูไบเกิด
ขึ้นมานานแล้ว แต่เพิ่งปรากฎปัญหาการพักชำระหนี้ เพราะดูไบได้ก่อหนี้ไว้ในจำนวน
สูงตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 และปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากวิกฤติ
เศรษฐกิจปี 40
      ทั้งนี้ ประเทศในเอเชียไม่ได้มีปัญหามูลค่าทรัพย์สินเป็นฟองสบู่ ดูจากกรณี
ประเทศจีนที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาในลักษณะดังกล่าว แต่รัฐบาลจีนได้
ออกมาตรการมากำกับดูแลการปล่อยสินเชื่อของธนาคารไม่ให้เกิดการปล่อยสินเชื่อ
มากเกินไป ขณะที่ไทยเองไม่ได้มีสัญญาณผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเห็นได้จากราคา
อสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในตลาดหุ้นซึ่งราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยค่อนข้าง
ทรงตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ยอดขายเริ่มปรับขึ้นบ้างแต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคา
ปรับขึ้นตาม
      ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 52 ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 10% จากต้นปี แต่ถือว่าสอด
คล้องกับผลกำไร ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่
ฟื้นตัว และเมื่อเทียบราคาหุ้นของไทยกับราคาหุ้นของต่างประเทศถือว่าเป็นการปรับ
ขึ้นในระดับที่มีเหตุมีผลรมว.คลัง ยังมองว่าปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับประเทศดูไบ
จะไม่กระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังตลาดใหม่ของไทย โดยเฉพาะสหรัฐ
อาหรับเอมิเรตส์(UAE) ตลอดจนประเทศอื่นๆ ในแถบตะวันออกกลาง เนื่องจากเป็น
ปัญหาเฉพาะตัวภายในดูไบเอง
      การปล่อยสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิช์ปี 53 จะฟื้นมาขยายตัวได้อย่างน้อย
10% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่กำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่า
ภาคเอกชนจะกลับมามีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ส่วน
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. เชื่อว่าจะยังไม่
พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากขณะนี้ยังมีสภาพคล่องในระบบ
เพียงพอ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันอยู่ในระดับที่ไม่เป็นปัญหา

 

****BAY เผยอยู่ระหว่างเช็คข้อมูลผลกระทบลงทุนพันธบัตรดูไบ แต่เชื่อกระทบน้อย
      นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคาร
กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการตรวจ
สอบการเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรวมทั้งการลงทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับดูไบ หลังจากที่
รัฐดูไบประสบปัญหาฟองสบู่จนต้องพักชำระหนี้ อย่างไรก็ดีเชื่อว่าการลงทุนของ
BAY ในดูไบมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับเม็ดเงินจำนวนมากที่ทั่วโลกเข้าไป
ลงทุนในดูไบ

 

***บิ๊ก KBANK ยันฟองสบู่ดูไบไม่กระทบ ศก.ไทย ระบุแบงก์ไม่มีปล่อยเงินกู้ให้ดูไบ
      นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
(KBANK) เปิดเผยว่า ปัญหาฟองสบู่แตกที่เกิดขึ้นกับดูไบจะไม่ส่งผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจไทย ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้และฟองสบู่ดู
ไบรอบนี้ไม่มีสัญญาณมาถึงประเทศไทยแน่นอน ในขณะที่ธนาคารกสิกรไทยเองไม่
ได้เข้าไปลงทุนในดูไบ รวมทั้งปล่อยกู้ให้กับดูไบด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วธนาคารกสิกร
ไทยจะเน้นปล่อยกู้ไปยังจีนและญี่ปุ่นมากกว่า ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ
ใดๆ
      'ฟองสบู่แตกที่ดูไบไม่มาถึงไทยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหุ้นหรือราคา
อสังหาริมทรัพย์ และปัญหานี้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนระบบธนาคารพาณิชย์ไทย
นั้นเชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบด้วย เพราะปัจจุบันนี้แบงก์ชาติเข้มงวดในการปล่อย
สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์อยู่แล้ว ดังนั้นในส่วนของเรื่องสภาพคล่องไม่น่าที่จะมี
ปัญหาแต่อย่างใด' นายบัณฑูร กล่าว
      ส่วนการเก็งกำไรทองคำซึ่งปัจจุบันนี้ราคาพุ่งขึ้นไปสูงมาก นายบัณฑูรมองว่า
ปัญหาเรื่องของการเก็งกำไรทองคำเป็นเรื่องปกติ และหากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็น่า
จะส่งผลกระทบเฉพาะกลุ่มผู้ที่ถือทองคำไว้เท่านั้นจะไม่กระทบในวงกว้าง และเชื่อ
ว่าในส่วนของธนาคารพาณิชย์เองคงไม่ปล่อยกู้เพื่อให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนใน
ทองคำแน่นอน

 

**** RAIMON ผถห.ใหญ่ ลงทุนในดูไบไม่ได้รับผลกระทบ
      นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและการจัดการ บมจ.ไร
มอน แลนด์ (RAIMON) เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่เข้าไปลงทุนในดูไบ ไม่ได้รับผล
กระทบจากกรณีบริษัทชั้นนำในดูไบ มีแผนเลื่อนชำระหนี้ ระบุผู้ถือหุ้นใหญ่ของ
บริษัทยังดำเนินธุรกิจตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ IFA ซึ่งเป็นบริษัทที่ผู้ถือหุ้นใหญ่เข้า
ไปลงทุนในดูไบนั้นมีความแข็งแกร่งทางการเงิน จึงไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
ของ RAIMON ซึ่งในปีหน้าบริษัทก็ยังดำเนินธุรกิจตามแผน และมองว่าตลาด
อสังหาริมทรัพย์ในไทยก็กลับมามีทิศทางที่ดีขพร้อมมองอสังหาริมทรัพย์ของไทย มี
แนวโน้มดีขึ้น

 

**** CK ลั่นดูไบเวิลด์ฯ ขอพักชำระหนี้ไม่กระทบบริษัท เหตุบริษัทและบริษัทในเครือ
ไม่เคยรับงานในดูไบและประเทศในตะวันออกกลาง
       นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.
ช.การช่าง (CK) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจาก
กรณีที่ดูไบ เวิลด์ ขอเลื่อนชำระหนี้นั้นไม่กระทบบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมา CK และ
บริษัทในเครือไม่มีการร่วมทุนในดูไบ หรือรับงานก่อสร้างในดูไบและประเทศในแถบ
ตะวันออกกลาง

 


**** PLE ยันปัญหาหนี้ 'ดูไบ' ไม่กระทบบริษัท หลังเบนเข็มลุยรับงานกาตาร์ ส่วน
ปัจจุบันตุน Backlog ในมือ 7-8 พันลบ.
      นายธาดา ชุมะศารทูล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและเลขานุการ บริษัท เพา
เวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า
จากกรณีที่รัฐบาลดูไบแจ้งว่า Dubai World ซึ่งเป็นของรัฐบาลขาดสภาพคล่องทาง
การเงินส่งผลให้ต้องมีการเลื่อนผ่อนชำระให้กับสถาบันการเงินหลายแห่งไปอีก 6
เดือนวงเงินกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ นั้น
      ประเมินว่าคงไม่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากงานที่บริษัทฯ เข้าไปรับก่อ
สร้างในประเทศดังกล่าวดำเนินการก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทฯ
ยังได้หันไปรับงานในกาตาร์แทน หลังจากที่ผ่านมาพบว่าเริ่มมีสัญญาณไม่ดีเกี่ยว
ปัญหาหนี้ในดูไบ
     ส่วนปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 ล้าน
บาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า นอกจาก
นี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อีกกว่า 10 โครงการ รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้า
สายสีม่วงอีกด้วย ซึ่งหากได้รับดังกล่าวเข้ามา คงสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโต
อย่างต่อเนื่อง

 

****บล.บัวหลวง คาดช่วง 1-2 เดือนนี้ดัชนีฯมีสิทธิ์ลงประมาณ 5% เหตุได้รับผล
กระทบจิตวิทยาดูไบเวิลด์ฯ ขอพักชำระหนี้
     นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.บัว
หลวง กล่าวว่า จากกรณีที่ Dubai World มีการขอผ่อนชำระหนี้โดยอยู่ระหว่างการ
ปรับโครงสร้างหนี้ โดยเลื่อนไปในเดือนพ.ค.ปีหน้า จากเดิมจะครบดีลในช่วงปลายปี
จำนวน 8 หมื่นล้านเหรียญฯ ประเมินว่าในช่วง 1-2 เดือนมีโอกาสที่จะกระทบดัชนี
ตลาดหลักทรัพย์ฯให้มีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงประมาณ 5% ซึ่งมาจากนักลงทุนมี
ความกังวลในเรื่องดังกล่าว
      ทั้งนี้ หากพิจารณาจากบริษัทจดทะเบียนของไทยที่มีความเกี่ยวข้องกับการลง
ทุนในดูไบ คือ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์(BH) ที่ได้ไปร่วมลงทุนก่อนหน้านี้แต่ปัจจุบัน
ได้มีการถอนการลงทุนและถอนหุ้นจากการร่วมทุนก่อนที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวจึงไม่
น่าส่งผลต่อ BH นอกจากนี้ยังมีบมจ.อิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ (ITD) ที่มีการรับ
งานในประเทศดูไบ แต่บริษัทไม่มีการเปิดเผยตัวเลขงานที่ชัดเจน แต่ปัจจุบันงานที่
ทำอยู่ประเทศดูไบไม่ได้มีการรับงานแล้ว แต่หากพิจารณาถึงผลเสีย โดยปกติ
บริษัทฯจะมียอดหนี้ที่ค้างชำระระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จึงประเมินว่าจากผล
กระทบดังกล่าวจะไม่มีผลต่อบริษัทฯมากนัก ขณะที่จากการตรวจสอบธนาคาร
พาณิชย์ของไทยไม่ได้มีการถือหุ้นกู้ดังกล่าว
      อย่างไรก็ดี หากพิจารณาถึงสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้เข้าไปลงทุนใน
Dubai World พบว่า ประกอบไปด้วย Royal Bank of Scotch (RBS) ซึ่งมีจำนวนไม่
มากหรือประมาณ 1% ของสินเชื่อ, Barkay, Credit Switch Boston, ธนาคาร HSBC
แต่ยังมีความกังวลว่าธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขการ
ลงทุนอาจมีการลงทุนในสัดส่วนสูง
      ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ส่งผลกระทบ
ต่อตลาดหุ้น หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเกิดสงครามระหว่างประเทศประเมินว่าจะ
ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ขณะที่บริษัทที่ประกอบธุรกิจในกัมพูชา คือ
SAMART ที่มีรายได้จากประเทศกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และ SCC ที่
ดำเนินธุรกิจผลิตปูนซิเมนต์อยู่ที่ 1,000,000 ตัน หรือคิดเป็น 5% ของกำลังการผลิต
รวม จึงเชื่อว่าจะกระทบต่อภาคธุรกิจไม่มากนัก
      ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงจาก 2 ปัญหาดังกล่าว ฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่ได้มีการปรับ
ดัชนีฯในปี 2553 ที่ประเมินว่าจะอยู่ที่ 870 จุด ทั้งนี้หากจะมีการเป้าดัชนีฯที่ระดับดัง
กล่าวจะมีการพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันรวมทั้งสถานการณ์ของราคา
สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีสัดส่วนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ 40%
      ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเพื่อต้องการอัดฉีดสภาพ
คล่องเข้าสู่ระบบ โดยประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยมีโอกาสที่จะปรับขึ้น
จากระดับปัจจุบันอีก 0.5% เนื่องจากยังมีความกังวลจากความเสี่ยงด้านการเมือง อีก
ทั้งยังพิจารณาจากแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทาง
เดียวกับราคาน้ำมัน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของเฟดมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก
0.25-0.50%

 

****เปิดโผกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบฟองสบู่ดูไบ
      บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า รัฐบาลดูไบแจ้งว่า Dubai World ซึ่งเป็น
ของรัฐบาล ขอเลื่อนการชำระหนี้ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (จากหนี้รวมทั้งหมด 5.9
หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) ที่จะครบกำหนดชำระเดือน ธ.ค. นี้ ออกไปเป็นเดือน พ.ค. ปี
หน้าเป็นอย่างน้อยนั้น มีผลกระทบต่อหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัด โดยมีหุ้นที่เกี่ยวข้อง
ดังนี้ ITD, NWR ร่วมลงทุนในดูไบ โดย ITD ถือ 60% NWR ถือ 40% ใน ITD-
Nawara LLC และ QINA Contracting LLC ส่วน NWR ถือ 20% (5.9 ลบ.) ITD ถือ
24% (7 ลบ.) แต่ ITD ตั้งสำรองหมดแล้ว ส่วน NWR ไม่มีรายงาน ส่วน PLE ไม่
กระทบเพราะขายหุ้นบริษัทร่วม Power Line Gulf Construction L.L.C (PLGC)
Dubai,U.A. (ถือ 25%) ~3.2 ล้านบาท และตัดจ่ายหนี้ทั้ง
หมด 130 ลบ. ไปแล้วตั้งแต่ 1 ก.ย. 09
      ขณะที่กลุ่มแบงก์ KTB, TMB ไม่มีเงินลงทุนและเงินให้สินเชื่อ ส่วน KBANK ไม่มี
เงินให้สินเชื่อ (กำลังตรวจสอบพอร์ตการลงทุน) SCB, BAY มีเงินลงทุนในพันธบัตร
โดย SCB มีจำนวนเล็กน้อย ส่วน BAY มีประมาณ 500 ลบ. (ยังไม่มีรายละเอียดว่า
เป็นเงินลงทุนประเภทใด แต่ไม่เกี่ยวข้องกับดูไบเวิลด์) BBL, SCIB อยู่ในระหว่างการ
ตรวจสอบ จากข้อมูลปัจจุบัน BAY มี exposure มากที่สุด แต่ฝ่ายบริหารคาดว่าไม่น่า
จะเกิดความเสียหาย แต่หากเกิดการ Write-off จะกระทบกำไรปี 2009 ประมาณ 8%
(คาดการณ์กำไรทั้งปีอยู่ที่ราว 6.5 พันลบ.)
       สำหรับกลุ่มบริการ BH ไม่มีธุรกิจในดูไบ แต่รับจ้างบริหารโรงพยาบาลในรัฐอาบู
ดาบีซึ่งเศรษฐกิจแข็งแกร่งมาก ส่วน MINT ไม่มีเงินลงทุนในดูไบ เพียงแต่คุยกันไว้
ว่าจะรับจ้างบริหารโรงแรมที่จะสร้างเสร็จในปี 2012

 

****โบรกฯ ชี้ NWR เสี่ยงมากสุดในกลุ่มรับเหมาฯ หลังดูไบเลื่อนชำระหนี้
      บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ดูไบเลื่อนชำระหนี้มีผลกระทบกับหลัก
ทรัพย์ใน SET ที่เห็นเด่นชัดที่สุดจะเป็นหมวดผู้รับเหมาก่อสร้างไทย ที่ไปรับงานที่
เมืองดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับอิมิเรต (UAE) ในเบื้องต้น ดูเหมือนว่าจะเป็นลบ
ทั้งหมด ในเรื่องความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระหนี้ แต่ในความเป็นจริงก็ขึ้นอยู่กับ
สถานะของแต่ละบริษัทที่ดำเนินการอยู่ หรือปิดกิจการไปแล้ว เท่าที่สำรวจได้คือ
ITD (Fully Valued ราคาพื้นฐาน 2.84 บาท , NWR ปรับลดจากซื้อ เป็น Fully Valued
ราคาพื้นฐาน 0.35 บาท) , PLE (Fully Valued ราคาพื้นฐาน1.30 บาท) และ SYNTEC
(ซื้อ ราคาพื้นฐาน 0.92 บาท)
      หากจัดลำดับความเสี่ยงมากสุดไปต่ำสุดก็เป็นไปตามนี้คือ 1) NWR ในประเด็น
การร่วมทุนกับ ITD ในนามกิจการร่วมค้า ITD-Nawarat (L.L.C.) สัดส่วนการร่วมทุน
คือ 60:40 ทำงานก่อสร้างที่เมืองดูไบ มีความเสี่ยงในเรื่องการปล่อยกู้ระยะสั้นให้กับ
กิจการร่วมค้าแห่งนี้ 94 ล้านบาท และมีลูกหนี้กิจการร่วมค้าแห่งนี้ 11ล้านบาท ที่ผ่าน
มาทั้ง NWR และ ITD ต่างต้องรับผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้าแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
ในปี 50 และ 51
       2) ITDตามที่กล่าวคือ รับผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้าแห่งนี้ และในปี 51 ได้มีการ
ตั้งสำรองรายได้ที่ยังไม่ได้เรียกชำระจากโครงการที่ดูไบ 278 ล้านบาท และมีการ
ปล่อยกู้ระยะสั้นให้กับกิจการร่วมค้าแห่งนี้ 55 ล้านบาท แต่เนื่องจาก ITD เป็นบริษัท
ที่มีขนาดใหญ่ ความเสี่ยงจากส่วนนี้จึงเป็นเพียงเล็กน้อย และ 3) ทั้ง PLE และ
SYNTEC ต่างหยุดธุรกิจที่ UAE แล้ว จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก

 

 

 

 

 

    
    
 

 

เรียบเรียง โดย สุกัญญา ลาสุธรรม
อีเมล์แสดงความคิดเห็น  commentnews@efinancethai.com

 

 

 


ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย     วันที่   30/11/09   เวลา   8:34:08

 


 


--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
       - ร่วมกัน เสวนา ถาม-ตอบ วันละ 1 กระทู้ สร้างความรู้ใหม่ได้ มหาศาล  -

แนะนำ :

http://www.JobSiam.com : โปรโมชั่น*! ประกาศรับสมัครงาน สำหรับนักสรรรหา มืออาชีพ พร้อมรับส่วนลด มากมาย ถึง 31 ธันวาคม 2552 นี้ เท่านั้น
http://www.SiamHRM.com : สยามเอชอาร์เอ็ม ดอทคอม รวมพลคนทำงาน มากที่สุด
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

คุณได้รับข้อความนี้เนื่องจากคุณเป็นสมาชิกกลุ่ม Google Groups กลุ่ม "บริหารทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทย"
-  หากต้องการโพสต์ ถึงกลุ่มนี้ ให้ส่งอีเมลไปที่ siamhrm@googlegroups.com
-  หากต้องการยกเลิกการเป็นสมาชิกกลุ่ม ส่งอีเมลไปที่ siamhrm+unsubscribe@googlegroups.com (ยืนยัน การยกเลิกใน Email อีกครั้ง.)
-  หากต้องการดูกระทู้ หัวข้อ HR โปรดไปที่กลุ่มนี้โดยคลิกที่ http://groups.google.co.th/group/siamhrm?hl=th&pli=1
- เนื่องจากสมาชิกมีจำนวนมาก สมาชิกทุกท่าน ควรอ่านกติกา มารยาท และใช้เมล์กรุ๊ปร่วมกัน อย่างสร้างสรรค์
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
-~----------~----~----~----~------~----~------~--~---

ไม่มีความคิดเห็น: