วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ฉบับวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒



cover4

 


ชาวพุทธส่วนใหญ่
เมื่อร่ำเรียนภาคทฤษฎี
และรู้จักคำว่า "อนาคตังสญาณ"
หรือความสามารถในการหยั่งรู้อนาคต
ก็มักเข้าใจผิดกันว่า
อย่างนี้คืออนาคตต้องถูกกำหนดไว้ตายตัวแล้ว
เช่น พระพุทธเจ้าหยั่งทราบว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ก็แปลว่าอนาคตต้องเกิดขึ้นแน่ๆไม่อาจเป็นอื่น

ความจริงแล้วญาณหยั่งรู้ทั้งหลายในแบบพุทธ
ยืนพื้นอยู่บนเหตุผล
กล่าวคือเมื่อมีเหตุปัจจัยอย่างหนึ่ง
ก็ย่อมเกิดผลลัพธ์สมกัน

ญาณหยั่งรู้อนาคตที่สมบูรณ์ตามหลักพุทธศาสนา
จึงไม่ใช่เอาแต่นั่งเทียนเห็นนิมิต
ผู้ที่กล่าวอ้างได้เต็มปากว่ามีความสามารถหยั่งรู้อนาคต
นอกจากจะมีอนาคตังสญาณแล้ว
จำต้องประกอบพร้อมด้วยญาณอีกสองชนิด
รวมเรียกว่าญาณ ๓ ได้แก่

๑) อตีตังสญาณ ญาณหยั่งรู้กรรมในอดีตของบุคคล
อันเป็นรากของผลลัพธ์ในปัจจุบันของบุคคลนั้นๆ
คือทราบว่าเมื่อวาน วานซืน เดือนก่อน ปีก่อน หรือชาติก่อน
ใครไปทำอะไรที่ไหนเอาไว้ จึงมาเป็นอย่างนี้
และนอกจากเรื่องเกี่ยวกับบุคคลแล้ว
ญาณนี้ยังครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆในอดีตอีกด้วย

๒) ปัจจุปปันนังสญาณ ญาณหยั่งรู้เรื่องในปัจจุบัน
คือทราบว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับบุคคลหนึ่งๆ
และเป็นการทราบได้โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันเสียก่อน
นอกจากเรื่องเกี่ยวกับบุคคลแล้ว
ญาณนี้ยังครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆในปัจจุบันอีกด้วย

๓) อนาคตังสญาณ ญาณหยั่งรู้เรื่องราว
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของบุคคลหนึ่งๆ
คือทราบว่าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า หรือชาติหน้า
จะเกิดอะไรขึ้นกับบุคคลนั้นๆ
อันเป็นผลลัพธ์ของกรรมที่ทำไว้ในปัจจุบันหรืออดีต
และนอกจากเรื่องเกี่ยวกับบุคคลแล้ว
ญาณนี้ยังครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ต่างๆในอนาคตอีกด้วย

สรุปคือญาณทั้งสามผูกกับเรื่องของกรรม
ตลอดจนเหตุผลทางธรรมชาติเช่นดินฟ้าอากาศ
สมนัยกับหลักสำคัญทางพุทธศาสนา
อันยืนพื้นอยู่บนความจริงที่ว่า
"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" และ
"ธรรมทั้งปวงย่อมเกิดแต่เหตุ" คือไม่มีเรื่องบังเอิญ

ปัญหาคือบางคนนี่นะครับ
มีแต่อนาคตังสญาณ
แต่ขาดอตีตังสญาณ
แล้วก็ไม่รู้เรื่องกรรมวิบาก
เหมือนอย่างหมอดูระดับโลกบางคน
ก็มีสิทธิ์เชื่อได้ว่าเป็นบัญชาสวรรค์
หรืออีกนัยหนึ่งคือเชื่อว่าอนาคตเป็นพรหมลิขิต
ที่ตนเห็นก็เพราะเบื้องบนแสดงนิมิตให้ดู
อะไรทำนองนั้น

อนาคตังสญาณนอกพุทธศาสนามีจริง
แต่อธิบายอะไรต่ออะไรไม่ได้จริง
จึงเหมือนเรื่องโคมลอยมากกว่า
และนำมาซึ่งความงมงายแก่ผู้เชื่อด้วย
เพราะต้องเอาแต่เชื่อโดยขาดเหตุขาดผล

รู้แต่ว่าต้องเชื่อ
ไม่รู้ว่าทำไมต้องเชื่อ!

แม้แต่พระพุทธเจ้า
ถ้าท่านจะทำนายอนาคต
ท่านไม่ตรัสห้วนๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่ท่านจะตรัสเป็นเหตุเป็นผล
ในชั้นพระไตรปิฎกซึ่งเป็นบันทึกแรก
อันมีหลักฐานยืนยันมั่นคงที่สุดนั้น
ไม่เคยมีการทำนายแบบหมอดูนั่งเทียน
แล้วก็ไม่เคยมีการทำนายฝันให้ใครด้วย
ถ้ามีก็ปรากฏอยู่ในชั้นรองลงมา
หรือไม่ก็เกิดจากการตื่นข่าวร่ำลือกันไปเอง

ใครเป็นคนกุเรื่องก็ปล่อยให้เป็นบาปของเขาไป
พวกเราอย่าถือเอาโดยไม่พิจารณา
อันจะเป็นการกล่าวตู่พระพุทธองค์โดยไม่รู้ตัวต่อๆกัน
การกล่าวตู่นั้น พระผู้มีพระภาคให้นับหมด
ถ้าท่านไม่ได้พูด แต่กลับไปหาว่าท่านพูด
ไม่ว่าจะเป็นการกุเรื่องขึ้นเอง
หรือจะเป็นการพูดตามคนอื่นก็แล้วแต่

ช่วงนี้กำลังลือกันหนาหู
บอกว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยืนยันว่าเดี๋ยวโลกแตก
คือถ้าจะแตกจริง รบราฆ่าฟันเป็นสงครามโลกจริง
ก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเถิด
แต่อย่าเอาพระพุทธเจ้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย

ผมเคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้
ในเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว
ขอนำมาลงให้อ่านที่ตรงนี้อีกครั้งนะครับ

ถาม - มีพุทธทำนายว่ากึ่งพุทธกาล (พ.ศ.๒๕๐๐) สัตว์โลกจะพบแต่ความยากลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลกที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย ยักษ์หินที่ถูกสาปเป็นเวลานานจะตื่นขึ้นมาอาละวาด พระธรรมจะเริ่มเปล่งแสงรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อมีธรรมิก ราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิต ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบไปถึงห้าพันปี คำทำนายนี้จะทำให้ผู้สดับได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อนับว่าเป็นกรรมของสัตว์ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของ ตน อยากทราบว่าคุณดังตฤณมีความเห็นอย่างไร พุทธทำนายนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?

เป็น เรื่องน่าช่วยจดจำกันครับ ว่าพระพุทธเจ้าจะทรงทำนายสิ่งใดๆก็ตาม ท่านต้องมีเหตุผลกำกับไปด้วยทุกครั้ง เช่นหากใครสงสัยว่าเมื่อใดพระอรหันต์จะหมดจากโลก ท่านจะไม่ระบุเวลา แต่จะชี้ให้เห็นเป็นเงื่อนไขว่าตราบใดยังมีภิกษุปฏิบัติธรรมตามที่พระองค์ สอนสั่ง ตราบนั้นโลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์ หรือถ้าสงสัยว่าเมืองใดจะล่มสลาย พระองค์ก็จะตรัสเป็นเงื่อนไขว่าเมื่อใดเหล่าเจ้าผู้ครองนครเสียความสมัคร สมานสามัคคี เมื่อนั้นเมืองจะถึงกาลพินาศ

เช่นกัน ตามพระไตรปิฎกซึ่งถือเป็นสมุดบันทึกอันเชื่อถือได้ของชาวพุทธนั้น จะเห็นว่ามิใช่พุทธลีลาที่จะทำนายอนาคตของศาสนาแบบฝากความหวังไว้กับใครคนใด คนหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงชี้ว่าถ้าพระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไป ศาสนาพุทธจะยังคงสืบทอดต่อได้อย่างมั่นคง เพราะพระองค์บัญญัติวินัยสงฆ์ไว้อย่างเป็นระเบียบดีแล้ว อีกทั้งพระองค์จัดตั้ง 'บริษัทพุทธ' ซึ่งมีผู้ร่วมดำเนินการอยู่ ๔ พวก ได้แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา (รวมกล่าวง่ายๆคือฝ่ายนักบวชและชาวบ้านหญิงชาย)

แม้ที่เลื่องลือกัน มากว่าพระพุทธเจ้าเคยทำนายสุบินนิมิต (ความฝัน) ของพระราชาองค์หนึ่ง ก็ไม่ปรากฏหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎก แต่จะอยู่ในหลักฐานชั้นรองๆลงมา สรุปว่าเรื่องเกี่ยวกับพุทธทำนายอนาคตแบบไม่มีเหตุผลประกอบนั้น เป็นเรื่องสมควรฟังหูไว้หู จะกระเดียดไปทางไม่เชื่อไว้ก่อนก็ไม่ผิดบาปอะไร เพราะโดยพุทธลีลาแล้ว แม้พระองค์ท่านมีญาณหยั่งรู้อนาคตจริง ก็จะตรัสถึงอนาคตอย่างมีเหตุผล มีที่มาที่ไป ซึ่งคนฟังจะได้รับประโยชน์ และเมื่อจะเชื่อก็ได้ชื่อว่าเชื่ออย่างมีเหตุผล มิใช่เชื่ออย่างงมงายหาคำอธิบายยาก

กล่าวถึงคำทำนายที่คุณยกมาเป็นคำ ถามนี้ เท่าที่ทราบปรากฏขึ้นมาลอยๆหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ครับ เขาถึงได้ทำนายถูกไงว่าจะเกิดสงครามใหญ่ จะเข้ายุคข้าวยากหมากแพง สำหรับที่มาของคำทำนายก็อ้างว่าได้มาจากเสาหินขนาดใหญ่ซึ่งเป็นศิลาจารึกของ พระเจ้าอโศกผู้มีพระชนม์ประมาณสองร้อยปีหลังพุทธกาล

โปรด ไถ่ถามกันดูเองเถิด มีใครเคยเห็นจารึกพุทธพยากรณ์ที่ว่านี้ด้วยตาตนเองหรือถ่ายรูปมาบ้าง และมีผู้เชี่ยวชาญภาษาโบราณท่านใดเป็นผู้แปลหรือให้การรับรองว่าแปลออกมา แล้วได้ใจความต่อเนื่องราบรื่นสละสลวยอย่างนี้

สำหรับเสาพระเจ้า อโศกนั้น ถ้าใครเคยไปอินเดียจะเห็นนะครับว่าข้อความบนเสาเลอะเลือน ขาดหาย ไม่มีความต่อเนื่องนัก อย่างไรคงถอดความไม่ได้ชัดเจนเหมือนพุทธทำนายปลอมที่เขียนขึ้นใหม่นี้หรอก

อีก ประการหนึ่ง น่าสงสัยว่าพระเจ้าอโศกท่านไปคัดข้อความยาวๆแบบนี้มาจากไหน? เพราะแม้ในชั้นอรรถกถาซึ่งเป็นภาคขยายความพระไตรปิฎกก็ไม่มี

อีก ข้อสังเกตหนึ่ง พระเจ้าอโศกท่านเป็นคนในยุค ๒๐๐ ปีหลังพุทธกาล คงไม่ใช่ธุระของท่านหรือคนสมัยนั้นที่จะไปสนใจเหตุการณ์อันจะเกิดขึ้นในอีก สองพันปีต่อมา และหากจะกล่าวว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ ก็ต้องกล่าวว่าเหตุการณ์สำคัญกว่านั้นมีอยู่ เช่นที่พุทธศาสนาถูกรุกรานจนสาบสูญไปจากประเทศต้นกำเนิด และกระจัดกระจายไปเจริญตามแหล่งอารยธรรมต่างๆทั่วโลก เป็นต้น

และ ที่จะลืมไม่ได้เป็นอันขาด คือองค์พระเจ้าอโศกเอง ท่านเป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนาพุทธเจ้าใหญ่ที่สุด เพราะถ้าไม่มีท่านส่งคนไปเผยแผ่พระสัทธรรมนอกอินเดีย ป่านนี้พุทธศาสนาก็ล่มสลายหายสูญจากโลกนี้ไปแล้ว

ฉะนั้น ถ้าพระพุทธเจ้าจะทรงตรัสทำนายเพื่อเชิดชูบุคคลสำคัญของศาสนา ท่านก็น่าจะไม่ลืมตรัสถึงพระเจ้าอโศกเป็นแน่แท้ พระเจ้าอโศกอยู่ใกล้พุทธกาลเพียงสองร้อยปีเศษ แต่ 'ธรรมิกราช' ในพุทธทำนายปลอมอยู่ห่างมาถึงสองพันปี กลับได้รับการเชิดชูขึ้นมาเฉยๆ


สรุป คือเป็นพุทธทำนายปลอมร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ตัวคำทำนายจะจริงหรือไม่จริงขอให้ยกไว้ อย่างไรก็ไม่สมควรนำมาอ้างอิงกันอย่างเด็ดขาดว่านี่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ เป็นธรรมดาที่มนุษย์ทั้งหลายจะแสวงหาและปั้นแต่งฮีโร่ขึ้นมารับผิดชอบโลก แต่ความจริงก็คือพระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ ไม่สนับสนุน และไม่ยกใครขึ้นมาเชิดชูแล้วอนุญาตให้พวกเราฝากพระพุทธศาสนาไว้ในมือคนๆนั้น มีแต่จะทรงให้ร่วมมือร่วมใจกัน ช่วยกันสืบทอดและเผยแผ่ตามกำลังของแต่ละคน การเสาะหาฮีโร่เพียงคนเดียวมาเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งนั้น นอกจากจะทำให้แนวคิดร่วมมือร่วมใจลดลงแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มนุษย์เจ้าเล่ห์ทั้งหลายกุเรื่องขึ้นมาตามใจชอบอีก ด้วย!

ดังตฤณ
กรกฎาคม ๕๒



เรื่องน่าสนใจประจำฉบับ

หลายครั้ง เมื่อต้องเหน็ดเหนื่อยจากการงาน เราอาจเคยถามตัวเองว่า จะต้องเหนื่อยแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?
"เล่าเรื่องเมืองพุทธ" ฉบับนี้ "คุณพายธาริน" มีข้อคิดดีๆจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มาฝาก
ในตอน
"งานที่ไม่มีที่สิ้นสุด" รับรองว่านอกจากหายเหนื่อยแล้ว ยังได้สติเป็นของแถมอีกด้วยค่ะ ^_^

หลังจากชำแหละร่างกายตัวเองสดๆ ให้ดูกันไปแล้วในฉบับก่อน
ฉบับนี้ "คุณดังตฤณ" จะพาไปศึกษากายแบบอื่นกันบ้าง แบบไหนจะน่าตื่นเต้นกว่ากัน 0_0!
ติดตามอ่านได้ที่คอลัมน์ "ก่อนเกิดเป็นดังตฤณ" ในตอน "ความจริงอันน่าสังเวชของกายอื่น" ค่ะ

แฟนนิทานโทสะของ "คุณชลนิล" ต้องไม่พลาดกับตอนใหม่ที่มีชื่อเก๋ไก๋ว่า "ศรัทธาหัวเต่า"
แค่ชื่อก็น่าติดตามแล้วใช่ไหมคะ ศรัทธากับเต่ามาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
อย่ามัวสงสัยให้เสียเวลา เชิญหาคำตอบได้ที่ "ห้องดับเพลิง" ค่ะ

ในเมื่อเวลาที่ใช้ในการทำงาน คือเวลาถึงหนึ่งในสามของชีวิต
แล้วชีวิตจะมีสุขได้อย่างไร หากในใจยังรู้สึกว่า งานที่กำลังทำอยู่ ยังไม่ใช่ที่ต้องการอย่างแท้จริง --"
"โหรา(ไม่)คาใจ" ฉบับนี้ "คุณ Aims Astro" จะมาชี้ทางออกให้กับคนที่ทุกข์เพราะงาน
ในตอน "งานแบบไหนที่ใช่เลย" ใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ พลาดไม่ได้นะคะ

เมื่อเอ่ยถึงความรัก ใครๆต่างก็นึกถึงความน่ายินดี น่ารื่นรมย์ น่าปรารถนา
"บทความรัก" ฉบับนี้ "คุณ aston27" จะพาไปพบอีกด้านของความรักที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง
อยากทราบว่า "ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของคนมีความรัก" อยู่ที่ไหน ?
ติดตามได้ในฉบับค่ะ ^^*




ข่าวดีสำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจรับธรรมะสั้นๆ ประจำวัน จากทีมงาน dlitemag
ขณะนี้นิตยสารของเรามี Twitter แล้วนะคะ (+^^)
ถ้าสนใจก็ follow กันได้ที่ http://twitter.com/dlitemag
ท่านที่ยังไม่เคยใช้ twitter สามารถดูวิธีการสมัครได้ตามลิงค์ค่ะ
http://www.dlitemag.com/index.php/วิธีสมัคร-Twitter.html





กิจกรรมพิเศษ "สองวัน...ฉันทำได้ กับธรรมะใกล้ตัว Lite"

ในเทศกาลเข้าพรรษานี้
ทางนิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ได้จัดโครงการ
"สองวัน...ฉันทำได้ กับนิตยสารธรรมะใกล้ตัว Lite"
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและส่งเสริม
การสร้างอธิษฐานบารมีและสัจจบารมีของผู้ใฝ่ในความดีทุกท่าน
โดยมีที่มาของโครงการจากบทสัมภาษณ์ของคุณดังตฤณ
ในรายการ "ตาสว่าง" ที่ได้ออกอากาศไปในวันเข้าพรรษาที่ผ่านมา
โดยคุณดังตฤณได้ให้ข้อคิดเห็นส่วนหนึ่งที่ว่า

"ถ้าหากว่าจะยึดเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันศักดิ์สิทธิ์
ขอให้ยึดอย่างนี้ก็แล้วกัน

ถามตัวเองว่า
คุณตั้งใจอะไรดีๆ ที่จะให้เกิดขึ้นกับตัวเองบ้างแล้วหรือยัง?
อะไรเสียๆ อยากให้มันหมดออกไปจากตัวเองบ้างแล้วหรือยัง?


ถ้าหากว่าตั้งใจแล้วนะครับ ขอให้ทำให้ได้ ๒ วันพอ
แล้วพอแข็งแรง ปีไหนก็ได้ เลือกเอา วันเข้าพรรษา ทำให้ได้ครบ ๓ เดือน"

(ดูคลิปสัมภาษณ์ได้ที่นี่ www.howfarbooks.com)





โดยมีกติกาง่ายๆ ดังนี้คือ

๑. ให้แต่ละท่านตั้งใจจริงในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลา ๒ วัน
ไม่ว่าจะเป็นความดีแม้เล็กน้อยที่อยากทำ
หรือจะเป็นการตั้งใจหยุดนิสัยที่ไม่ดีของตนก็ตาม แล้ว

๒. post ประกาศสิ่งอธิษฐานตั้งใจไว้ โดยตั้งเป็นกระทู้ที่ เว็บบอร์ด "สองวัน...ฉันทำได้"
เพื่อให้เพื่อนๆ ได้ร่วมกันอนุโมทนา (และให้กำลังใจ) และ

๓. เมื่อทำสำเร็จตามที่ได้อธิษฐานไว้
ก็ให้มา post อีกครั้งเพื่อแสดงความรู้สึกที่ได้ทำสำเร็จ
เป็นการเพิ่มพูนกำลังใจต่อตนเองและเพื่อนร่วมโครงการท่านอื่น

๔. (optional) หากต้องการขยายเวลาตั้งใจทำในสิ่งที่อธิษฐานไว้
ให้ post ต่อได้ในกระทู้ของตัวเองหลังจากหมด ๒ วันค่ะ

ง่ายๆ เท่านี้เองค่ะ
สำหรับท่านอื่นๆก็สามารถเข้ามา post อนุโมทนา
และให้กำลังใจกันได้ในกระทู้นั้นๆ นะคะ





และสำหรับผู้ที่ร่วมโครงการจะได้รับของที่ระลึก
จากทางนิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ค่ะ ^_^/




อ่านธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite ได้ที่
http://www.dlitemag.com/

แนะนำติชม แสดงความคิดเห็นได้ที่
http://www.dlitemag.com/forum/

สมัครรับนิตยสารธรรมะใกล้ตัวได้ที่

ไม่มีความคิดเห็น: